สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย |
![]() |
![]() |
![]() |
Thursday, 20 September 2018 09:43 | |||
สถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนสิงหาคม โดยเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.282 ล้านยูนิต จากระดับ 1.174 ล้านยูนิตในเดือนกรกฎาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.235 ล้านยูนิต โดยแบ่งเป็น ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว เพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 876,000 ยูนิต ส่วนยอดการก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้น 29.3% สู่ระดับ 406,000 ยูนิต ทั้งนี้ การก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเขตมิดเวสต์, ทางใต้ และทางตะวันตก แต่ทรงตัวในตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ กระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 5.7% สู่ระดับ 1.229 ล้านยูนิต นายแจ็ค หม่า ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน กล่าวว่า อาลีบาบาตัดสินใจยกเลิกแผนการสร้างงาน 1 ล้านตำแหน่งในสหรัฐแล้ว ทั้งนี้ นายหม่าได้ให้สัญญาว่าจะสร้างงานจำนวน 1 ล้านตำแหน่งในสหรัฐฯ ขณะที่ได้เข้าพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว ก่อนที่นายทรัมป์จะเข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในสหราชอาณาจักร ในเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้แรงหนุนจากราคาสินค้าด้านสันทนาการ การขนส่ง และเสื้อผ้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4% จากระดับ 2.5% ในเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward guidance) และเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ในการประชุมวันพุธที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการ BOJ มีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับติดลบ 0.1% และคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไว้ใกล้ระดับศูนย์ รวมทั้งให้คำมั่นว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุก ยังคงจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เราจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุกต่อไป เนื่องจากการจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพุธที่ผ่านมาว่า ตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่นมีการซื้อขายที่คึกคักมากขึ้น หลังจาก BOJ ได้ตัดสินใจปรับกรอบนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในเดือนก.ค. อย่างไรก็ตาม นายคุโรดะกล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายพันธบัตรในเดือนส.ค.ของแต่ละปีนั้น มีแนวโน้มเบาบาง จึงเร็วเกินไปที่จะระบุถึงผลกระทบที่เกิดจากการตัดสินใจของ BOJ ในการประชุมเดือนก.ค. ขณะเดียวกันเขาได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่า นโยบายกีดกันการค้าไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆที่ทำสงครามการค้าต่อกันและกันเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ผ่านทางห่วงโซ่อุปทาน เราจึงจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความกังวล นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุถึงผลกระทบอย่างเฉพาะเจาะจง แต่อาจกล่าวได้ว่า สงครามการค้าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เมื่อพิจารณาจากห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมต่อถึงกันในระบบเศรษฐกิจโลก
สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ครั้งที่ 6/2561 ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยกรรมการ 2 เสียง ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% ต่อปี ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามแรงส่งจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีทิศทางเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้เดิม ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะจากภาวะการเงินที่ผ่อนคลายเป็นเวลานาน กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ส่วนกรรมการ 2 ท่านเห็นว่าความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนเพียงพอ และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินในอนาคตต่ำกว่าที่ควร จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเพื่อเริ่มสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) สำหรับอนาคต ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 และ 2562 ในรายงานนโยบายการเงินเดือน ก.ย.61 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้ จะเติบโตได้ 4.4% เท่ากับประมาณการครั้งก่อน การส่งออก ขยายตัว 9% การนำเข้า ขยายตัว 16.9% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 35.4 พันล้านดอลลาร์ฯ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) อยู่ที่ 1.1% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 0.7% การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 4.2% การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัว 3.7% การอุปโภคภาครัฐ ขยายตัว 2.3% และการลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 6.1%
ปัจจัยต่างประเทศ (20 กันยายน 2561): ตามเวลาประเทศไทย
ประเทศ ปัจจัย อังกฤษ - ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. USA - จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ - ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย - ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. EU - ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย. Source: https://www.ryt9.com/s/iq24/2886488
ปัจจัยในประเทศ วันที่ ปัจจัย สัปดาห์ที่ 3 - กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม,ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ Source: https://www.ryt9.com/s/iq03/2880769
Money Market - ดอลลาร์/บาท วันพุธ (19 ก.ย.) เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ โดยปัจจัยจากการคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้าส่งผลหนุนค่าเงินบาทในวันนี้ ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยวันนี้มีมติ 5 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี หลังจากที่การประชุมครั้งที่แล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมมีมติ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยกรรมการสองท่านเห็นว่าความต่อเนื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความชัดเจนเพียงพอ และภาวะการเงินผ่อนคลายมากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินในอนาคตต่ำกว่าที่ควร กรรมการ 2 ท่านจึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน - ดอลลาร์/เยน วันพุธ (19 ก.ย.) เงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ ขณะที่ล่าสุดจีนตอบโต้สหรัฐฯด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯหลังสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่จะมีผลในวันที่ 24 กันยายนนี้ - ยูโร/ดอลลาร์ วันพุธ (19 ก.ย.) เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ โดยเงินยูโรช่วงนี้มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯสอดคล้องกับเงินปอนด์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯเนื่องจากการคาดการณ์ไปในทางบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการเจรจา Brexit
Capital Market - ตลาดหุ้นสหรัฐฯวันพุธ(19 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,405.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.61% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,907.95 จุด เพิ่มขึ้น 30.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.04 จุด ลดลง 0.08% - ตลาดหุ้นเอเชีย วันพุธ (19 ก.ย) ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนในวันนี้ โดยดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 1.08% มาอยู่ที่ 23,672.52 หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันและถ่านหิน กลุ่มประกัน และกลุ่มเครื่องจักร ทั้งนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ฯในอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะเพิ่มเป็น 25% ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ขณะที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 20% ที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่ม 1.14% มาอยู่ที่ 2,730.85 ส่วนดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยดัชนีฮั่งเส็งเพิ่ม 1.19% ปิดวันนี้ที่ 27,407.37 - ตลาดหุ้นไทย วันพุธ (19 กย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดตลาดและทรงตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวันสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ ส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่ม 5.38 จุด
โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 20 ก.ย. 2561
|
![]() | Today | 1015 |
![]() | All days | 1015 |
Comments