ยกเลิกเก็บภาษีแอร์ CIG-SNC โดดเด่น |
![]() |
![]() |
![]() |
Monday, 12 October 2009 11:56 | |
ข่าวที่คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. อนุมัติยกเว้นภาษีสรรพสามิตแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศ ตามที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เสนอให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศขนาดต่ำกว่า 72,000 บีทียู เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในประเทศแข่งขันกับเครื่องปรับอากาศนำเข้าได้ ซึ่งรัฐบาลยอมแลกกับ การทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะจะช่วยกระตุ้นยอดขายเครื่องปรับอากาศ และทำให้จัดเก็บภาษีด้านอื่นได้เพิ่มขึ้น โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที พร้อมกับขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ 178 ราย ให้ปรับลดราคาขายลงทันที
CIG เก็งกำไรอย่างมีหลักการ ข่าวดังกล่าว ทำให้มองภาพของหุ้นในตลาด 2 รายที่โดดเด่นขึ้นมาทันทีนั่นคือ CIG หรือ บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ SNC หรือ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) โดยรายแรก CIG นายอารีย์ พุ่มเสนาะ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า การที่ภาครัฐมีมติยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศบ้าน และสำนักงานที่มีขนาดไม่เกิน 7.2 หมื่นบีทียู จากปัจจุบันที่เรียกเก็บในอัตรา 15% ของราคาหน้าโรงงานนั้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมผู้รับจ้างประกอบชิ้นส่วนแอร์ โดยบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ เพราะเป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตคอยล์ สำหรับเครื่องทำความเย็นและเครื่องถ่ายเทความร้อน โดยจะทำให้ลดขั้นตอนในการดำเนินงาน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ประกอบ และลูกค้า จึงเชื่อว่าน่าจะช่วยหนุนให้อุปสงค์สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้ผลประกอบการของ CIG จะดีขึ้น คือ ขาดทุนลดลง แต่ภาพรวมทั้งปีแล้วเขาคาดการณ์ว่ายอดขายจะสูงกว่าครึ่งปีแรก และจะสามารถพลิกผลการดำเนิงานในช่วงครึ่งปีหลังมาเป็นกำไรได้จากปัจจัยบวกดังกล่าว ประกอบกับคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในส่วนของความร่วมมือกันระหว่างบริษัท แคร์เรีย (สิงคโปร์) จำกัด กับบริษัท ที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทดลองส่งสินค้าให้กับบริษัทฯ ดังล่าว แต่ก็ยอมรับว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่างาน 7.5 หมื่นตัว/ปี ทำให้ต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม ขณะที่การบริหารงานปีนี้ ได้ตั้งเป้ากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ไม่ต่ำกว่า 20% เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่มี Gross Margin เฉลี่ยปีละ 13-14% หลังจากบริษัทได้มีการพัฒนาด้านการบริหารจัดการของเสียเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาวัตถุดิบหลักในการผลิตอย่างทองแดงปรับตัวลดลง และยังมีลูกค้าใหม่ให้ความสนใจสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นโดยขณะนี้มีลูกค้ารายใหญ่จากต่างประเทศหลายรายอยู่ระหว่างการเจรจา ที่ผ่านมานักลงทุนรับรู้กันโดยตลอดถึง CIG ว่าเป็นหุ้นเก็งกำไร และช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้น แม้จะเป็นไปตามภาวะตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็นับได้ว่า CIG มีการปรับขึ้นที่สูงกว่าทิศทางของตลาดทั้งที่บริษัทยังมีผลการดำเนินงานขาดทุน ขณะที่พื้นฐานของบริษัทนั้น ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานของประเทศแคนาดาจาก Canadian Standards Association (“CSA”)* ที่ระดับความดันสูงสุดไม่เกิน 420 PSI (Pound Per Square Inch) ทำให้สามารถขยายตลาดต่างประเทศไปยังประเทศแคนาดา ได้รับรางวัลผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพสูงสุด (Golden Award) จากบริษัท เทรน (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบประกาศจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการเข้าร่วมโครงการ “Ozone Depleting Substance Phaseout” ในการยกเลิกการใช้สาร Chlorofluorocarbons (CFC) ในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา จาก Underwriters Laboratories Inc. (“UL”)* ที่ระดับความดันสูงสุดไม่เกิน 500 PSI ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลผู้จัดจำหน่ายดีเด่น (Best Supplier) จาก บริษัท แทรน (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO 9001 : 2000 ได้รับการประเมินจากบริษัท เทรน (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยคะแนนดีเยี่ยมจากกลุ่มผู้จัดจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ ในเรื่องของคุณภาพสินค้า การจัดส่งสินค้าที่ตรงเวลา ราคาสินค้า บริการ รวมถึงความปลอดภัยของสินค้า และได้การรับรองคุณภาพสินค้า UL ตามมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับสินค้าของบริษัททุกรุ่นที่ระดับความดันสูงสุดไม่เกิน 540 PSI พร้อมกับได้รับรางวัล Best Performance สำหรับ Service & Special Project จากบริษัท เทรน (ประเทศไทย) จำกัด จากการให้บริการที่ดี การจัดส่งสินค้าที่ตรงเวลา คุณภาพสินค้า รวมทั้งการให้คำปรึกษาในการออกแบบระบบคอยล์ในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่สำหรับโครงการต่างๆ เหล่านี้ทำให้ CIG เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งมีการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เดอ ละไม จำกัด ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนัยยะสำคัญคือ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับลูกค้าจากต่างประเทศเมื่อเดินทางมาดูงานในประเทศไทยเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัท
ลุ้นข่าวดี "แคร์เรีย" ดันยอดขายเพิ่ม สำหรับ CIG มองอนาคต ถือเป็นหุ้นเด่นในตลาด mai แม้ปัจจุบันจะมีโบรกเกอร์ให้คำแนะนำแค่ทางเทคนิค แต่ภาพรวมๆ ของธุรกิจถือเป็นหุ้นเด่นประเภทเก็งกำไรอย่างมีหลักการได้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี ได้รับการยอมรับ มีการขยายตัวต่อเนื่อง นับแต่เกิดวิกฤติเศรฐษกิจรอบใหม่ ได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการแข่งขันมากขึ้น ประกอบกับมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายใหญ่อย่าง "แคร์เรีย" ที่อนาคตจะช่วยผลักดันยอดขายได้ดี หลังจากได้รับการยอมรับจาก "เทรน" มาแล้ว บวกกับการลดภาษีของรัฐบาล จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เกิดแรงซื้อเครื่องปรับอากาศที่ผลิตในประเทศมากขึ้น เนื่องจากราคาจะต่ำลง อีกทั้งเมืองไทยเป็นเมืองร้อน หรือถ้าถือยาวๆ ก็มีการจ่ายปันผลทุกปีครับ ที่สำคัญเชื่อว่าไตรมาส 3 น่าจะกลับมามีกำไรได้เหมือนเดิม
SNC โดดเด่นทั้งรายได้-กำไร บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศประเภทชุดท่ออลูมิเนียมที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศรถยนต์ และท่อทองแดงที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศภายในอาคารและคอมเพรสเซอร์ (Metal Parts and Pipe Assembly for Automobiles, Air Conditioners and Compressors) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์ต่างประเทศที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นผู้ผลิตสินค้า (ท่อโลหะแบบเป็นชุดในเครื่องปรับอากาศ) แทนลูกค้า เนื่องจากบริษัทสามารถผลิตชิ้นส่วนท่อโลหะแบบเป็นชุดได้ถูกกว่าและมีคุณภาพเทียบเท่าสินค้าที่ลูกค้าของบริษัทผลิตเอง ทำให้บริษัทเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนท่ออลูมิเนียม และท่อทองแดงแบบเป็นชุดให้แก่ลูกค้า บริษัท มีการกระจายความเสี่ยง ไม่พึ่งพิงกับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะมุ่งตอบสนองต่อลูกค้าใน 7 กลุ่มหลัก คือ (1) กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์ (2) กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร (3) กลุ่มชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์ (4) กลุ่มเครื่องถนอมอาหารแช่แข็ง (5) กลุ่มชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป (6) กลุ่มผลิตแม่พิมพ์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต (7) และกลุ่มรับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร (OEM) โดยบริษัทจะผลิตเครื่องปรับอากาศแบบครบวงจร อาทิเช่น การผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ อาทิเช่น ชิ้นส่วนท่อโลหะ ชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชิ้นส่วนพลาสติก นายสามิตต์ ผลิตกรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC มั่นใจว่าในปีนี้ผลงานเป็นไปตามเป้า โดยรายได้โต 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 4.04 พันล้านบาท และกำไรโต 40% จากปีก่อนที่ทำได้ 98.71 ล้านบาท ปัจุบันกำลังการผลิตอยู่ในภาวะปกติ ในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 40-50% ขณะที่ธุรกิจ OEM ใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 50% ส่วนการผลิตชิ้นส่วนท่อทองแดงใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 50% นอกจากนี้ ยังคาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศยังดี โดยการผลิตแอร์บ้านส่วนใหญ่จะเป็นตลาดส่งออกค่อนข้างเยอะ ซึ่งตลาดส่งออกยังมีการเติบโตที่ดี เชื่อว่าน่าจะได้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมูลค่าทั้งหมดของกลุ่มดังกล่าวทั้งการผลิต 5 โมเดล อยู่ที่ประมาณ 4-5 แสนเครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้รับการผลิตดังกล่าวเพียง 4 โมเดล โดยคาดว่าบริษัทฯน่าจะได้รับจ้างผลิตเพิ่มขึ้นอีก 1 โมเดล ในมุมมองของนักวิเคราะห์จาก บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ให้ราคาพื้นฐาน 5.15 บาท โดยมองการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตแอร์บ้าน-สำนักงานขนาดต่ำกว่า 7.2 หมื่นบีทียูจะทำให้ราคาเครื่องปรับอากาศลดลงประมาณ 10% จะช่วยให้กระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น แนวโน้มสำหรับครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มี BVS เท่ากับ 5.99 บาท บล.เกียรตินาคิน ให้ Fair Value (Bt) ปี 52 เท่ากับ 5.05 โดยคาดว่า SNC จะให้ Div Yield ระดับสูงกว่า 9% และมีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการผลประกอบการปี 53 ของบริษัทเพิ่มขึ้นหลังจากมีแนวโน้มที่ชัดเจนมากขึ้นว่า SNC จะได้รับคำสั่งจ้างประกอบแอร์ Model หลักจากลูกค้าอีก 1 Model ตั้งแต่ปลายปี 52 มุมมองจากมุมข่าวของ “ธณพงศ์ มีทอง” ไม่แตกต่างจากนักวิเคราะห์ ที่มอง SNC เป็นหุ้นที่น่าสนใจ แต่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องของการลดภาษีมากขึ้น เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หากราคาขายลดลงประมาณ 1,500-2,000 บาท/เครื่อง จะช่วยกระตุ้นให้คอนโดมีเนียมขนาดเล็ก อาจจะใช้โปรโมชั่นแถมเครื่องปรับอากาศกันมากขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจในการขายช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งอากาศในประเทศไทยเริ่มร้อนมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดความต้องการเครื่องปรับอากาศมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นคู่ชกในครั้งนี้ หนึ่งคือ CIG เป็นหุ้นเก็งกำไร ที่มีพื้นฐานดี เลือกจับจังหวะลงทุน หรือเลือกเพื่อถือระยะยาวเพื่อรอรับเงินปันผลได้ โดยราคาปัจจุบันประมาณ 5 บาท เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาเมื่อต้นปีที่แล้ว ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดถึง 9.75 บาท แต่ปัจจุบันปัจจัยพื้นฐานได้มีการเปลี่ยนแปลง การบริหารงานดีขึ้น คงเหลือแต่การบริหารสต็อกทองแดง ถ้าสามารถทำได้ดี จะส่งผลให้ CIG โดดเด่นอีกครั้ง และคาดว่าไตรมาส 3 น่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ มองในมุมบวกของ CIG เชื่อว่ายังมีการจ่ายปันผล ลงทุนได้ทั้งเก็งกำไรและลงทุนครับ
ธณพงศ์ มีทอง This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|
![]() | Today | 1247 |
![]() | All days | 1247 |
Comments