Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Thursday, 24 August 2017 09:33

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า หากสภาคองเกรสสหรัฐประสบความล้มเหลวในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม สิ่งนี้ก็จะทำให้ทางบริษัทปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยมีแนวโน้มปรับลดลงจากระดับ AAA ในขณะนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ฟิทช์ระบุว่า หากสหรัฐไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะทำให้พันธกรณีในการชำระหนี้ของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA ขณะนี้ สภาคองเกรสยังคงไม่มีการบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 19.9 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่านายสตีเวน มนูชิน รมว.คลัง เรียกร้องให้มีการบรรลุข้อตกลงก็ตามทั้งนี้ หากรัฐบาลสหรัฐไม่มีงบประมาณที่จะบริหารประเทศ ก็จะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล โดยสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่สหรัฐเผชิญความเสี่ยงในการผิดนัดชำระดอกเบี้ย และเงินต้นของพันธบัตร และจะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงินทั่วโลก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนกรกฎาคมลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม2016 ที่ 9.4% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 571,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จากระดับ 630,000 ยูนิตในเดือนมิถุนายน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 612,000 ยูนิต เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 8.9% ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาบ้าน หลังเกิดภาวะขาดแคลนที่ดิน และแรงงาน รวมทั้งราคาวัสดุก่อสร้างที่ดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ลดลงแทบทุกภูมิภาค ยกเว้นเขตมิดเวสต์ที่ปรับตัวขึ้น สต็อกบ้านใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 276,000 ยูนิตในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2009

IHS Markit ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน หลังจากอยู่ที่ระดับ 54.6 ในเดือนกรกฎาคม

ส่วนดัชนี PMI เบื้องต้นภาคการผลิตของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 52.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 53.3 ในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ดัชนี PMI เบื้องต้นภาคบริการของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือน จากระดับ 54.7 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการของสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า จะปิดหน่วยงานของรัฐบาล หากสภาคองเกรสไม่สามารถอนุมัติเงินเพื่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก แต่ตลาดลดช่วงติดลบลงหลังนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแสดงความเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาล สภาคองเกรสมีเวลาถึงวันที่ 5 ก.ย.ที่ต้องปรับเพิ่มเพดานหนี้ ขณะที่บริษัทฟิทช์ เรทติ้งระบุว่า บริษัทจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของสหรัฐโดยมีแนวโน้มเชิงลบ หากสภาสหรัฐไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้

 

ยุโรป: ยูโรโซน

คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) รายงานผลการสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ -1.5 ในเดือนสิงหาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนจะลดลง สู่ระดับ -1.8 ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหภาพยุโรปทรงตัวที่ระดับ -2.3 ในเดือนสิงหาคม

IHS Markit ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 55.8 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 55.7 ในเดือนกรกฎาคม และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 54.9 ในเดือนสิงหาคม ปรับตัวลดลงจากระดับ 55.4 ในเดือนกรกฎาคม และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 57.4 จากระดับ 56.6 ในเดือนก่อน และทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือน ทั้งนี้ Markit ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงมีปัจจัยกระตุ้น โดยมียอดผลผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากการผลิตในภาคการผลิตด้วย ขณะที่กิจกรรมภาคบริการแผ่วลง

 

เยอรมนี

ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) เปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางสามารถโยกย้ายทองคำแท่งมูลค่า 2.4 หมื่นล้านยูโร (2.83 หมื่นล้านดอลลาร์) จากนิวยอร์กและปารีสกลับมาสู่แฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งการโยกย้ายทองคำดังกล่าวสามารถเสร็จสิ้นก่อนกำหนดถึง 3 ปี ทั้งนี้ มีการโยกย้ายทองคำ 674 ตัน หรือทองคำแท่งจำนวน 54,000 แท่ง จากนิวยอร์ก และปารีสไปยังแฟรงก์เฟิร์ต จากการที่มีทองคำแท่งจำนวน 3,378 ตัน ทำให้บุนเดสแบงก์เป็นธนาคารกลางที่ถือครองทองคำมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ

IHS Markit ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของเยอรมนีในเดือนสิงหาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 55.7 จากระดับ 54.7 ในเดือนกรกฎาคม อันเป็นผลมาจากผลผลิตภาคการผลิตและกิจกรรมในภาคบริการเยอรมนีที่ปรับตัวดีขึ้น โดยธุรกิจเปิดใหม่เพิ่มในอัตราสูงขึ้น ผลผลิตปรับตัวขึ้นสอดคล้องทิศทางอันแข็งแกร่งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.4 จากระดับ 58.1 ในเดือนกรกฎาคม ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.4 จากระดับ 53.1 ในเดือนก่อน

 

เอเชีย: ญี่ปุ่น

มาร์กิต/นิกเกอิเปิดเผยผลสำรวจขั้นต้นโดยระบุว่า กิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นขยายตัวในเดือนส.ค.ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน ในขณะที่ยอดสั่งซื้อทั้งภายในประเทศและยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า อุปสงค์ในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่ง มาร์กิต/นิกเกอิระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ 52.8 ในเดือนส.ค. จากดัชนีขั้นสุดท้ายที่ 52.1 ในเดือนก.ค.ก่อนหน้านี้ยอดสั่งซื้อเพื่อส่งออกเคยชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.และก.ค. และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า อุปสงค์ในตลาดโลกอาจจะชะลอตัวลง หลังจากที่เคยอยู่ในระดับแข็งแกร่งในช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ดี รายงานตัวเลขขั้นต้นประจำเดือนส.ค.แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตภาคโรงงาน, ยอดสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ต่างก็เติบโตในเดือนส.ค.ในอัตราที่รวดเร็วกว่าเดือนก.ค.ดัชนีที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว โดยดัชนีอยู่สูงกว่า 50 เป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน และดัชนีที่ 52.8 นี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

 

จีน

เทรดเดอร์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือนในวันพุธที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ว่า สภาพคล่องหดตัวลงอีกครั้ง ธนาคารกลางจีนดูดซับเม็ดเงินสุทธิออกจากตลาดในช่วงนี้ และการทำเช่นนี้เพิ่มความกังวลให้แก่นักลงทุน หลังจากที่เคยเกิดภาวะตึงตัวแบบนี้มาแล้วในเดือนมิ.ย.และก.ค. ค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักสำหรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 14 วันในตลาดอินเตอร์แบงก์ของจีน ปรับขึ้น 0.02% สู่ 4.4476% ในวันพุธที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. โดยค่าเฉลี่ยนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดที่ดีที่สุดสำหรับสภาพคล่องโดยรวมในจีน อัตราดอกเบี้ยอาร์/พีระยะ 7 วันปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน วันนี้ถือเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันที่ธนาคารกลางจีนงดเว้นจากการอัดฉีดเม็ดเงินสุทธิเข้าสู่ตลาด โดยผ่านทางปฏิบัติการซื้อขายพันธบัตรในตลาดเปิด

 

เกาหลีเหนือ

สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้สั่งให้มีการผลิตเครื่องยนต์จรวดที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งมากขึ้น รวมถึงส่วนปลายของหัวรบจรวด แต่ในรายงานดังกล่าวไม่ได้มีการข่มขู่สหรัฐ หลังจากที่เกิดสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นมาหลายสัปดาห์ รายงานเกี่ยวกับการเยือนสถาบันด้านเคมีของนายคิมออกมา หลังจากที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐได้แสดงท่าทีเชิงสันติต่อเกาหลีเหนือ โดยขานรับสิ่งที่เขาระบุว่าเป็นความอดกลั้นของเกาหลีเหนือ สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิมได้รับทราบความคืบหน้าในการผลิตส่วนปลายหัวรบติดขีปนาวุธข้ามทวีป และเครื่องยนต์จรวดที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งในระหว่างการเข้าเยี่ยมชมสถาบันวัสดุเคมีของสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านกลาโหม

 

เกาหลีใต้

ธนาคารกลางเกาหลีเปิดเผยว่าสินเชื่อภาคครัวเรือนของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำลงในไตรมาส 2 เนื่องจากกฎการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่สินเชื่อจำนองยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้หนี้ภาคครัวเรือนในไตรมาส 2 ซึ่งรวมสินเชื่อและหนี้อื่นๆของภาคครัวเรือนเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1,388.3 ล้านล้านวอน (1.23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้อมูลดังกล่าวต่ำกว่าอัตราการเพิ่มขึ้น 11.1% ในไตรมาส 2 ของปี 2016 และเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้น 10.4% ในไตรมาส 3 ปี 2015

 

ไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศทั้งระบบ ในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 65,178 คัน เพิ่มขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ต่อต่อกัน เทียบกับยอดขายรถยนต์ทั้งระบบในเดือนมิ.ย.ที่ 69,794 คัน เพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส.อ.ท.ระบุในเอกสารเผยแพร่ว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในเดือน ก.ค. เป็นผลจากการแนะนำรถยนต์รุนใหม่หลายรุ่นก่อนหน้านี้ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมากขึ้น และราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น ส.อ.ท.ยังเพิ่มคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งระบบ ในปี 60 มาที่ 8.3 แสนคัน จากเดิมคาดไว้ที่ 8 แสนคัน เทียบกับ 7.69 แสนคันในปี 59 แต่ลดคาดการณ์ส่งออกรถยนต์ปีนี้มาที่ 1.1 ล้านคัน จากเดิม 1.2 ล้านคัน ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์ในปีนี้ จะอยู่ที่ 1.93 ล้านคัน จากเปิดเดิมที่ตั้งไว้ 2 ล้านคัน

กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค. มีมูลค่า 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่โพลล์รอยเตอร์ที่คาดไว้เพิ่มขึ้น 11.6% ส่วนการนำเข้าในเดือน ก.ค. มีมูลค่า 1.90 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไทยขาดดุลการค้าประมาณ 0.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตัวเลขนำเข้าดังกล่าว ออกมาสูงกว่าที่โพลล์รอยเตอร์คาดไว้เพิ่มขึ้น 13% กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในเดือน ก.ค.การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดรัสเซียที่ขยายตัวสูง แต่ตลาดที่หดตัว มาจากทองคำเป็นหลัก ส่วนสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ขยายตัวดีเกือบทุกรายการทั้งปริมาณและราคา โดยเฉพาะข้าว ที่ขยายตัวสูงในตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกาและจีน ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป สำหรับในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกไทยขยายตัว 8.2% ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 6.78 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 60 จะเติบโตได้ 5% แต่ก็มีโอกาสเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท มองว่าจะเป็นปัจจัยในระยะสั้น

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนก.ค.60 อยู่ที่ระดับ 83.9 ลดลงจาก 84.7 ในเดือนมิ.ย. และเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากความกังวลต่อการฟื้นตัวของการบริโภค และการเกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นอุปสรรคต่อภาคการผลิตและการขนส่งสินค้า นอกจากนี้พบว่าผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาท ที่กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อม อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 101.6 เพิ่มขึ้นจาก 100.7 ในเดือนมิ.ย.สะท้อนว่า ผู้ประกอบการคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายและการบริโภค ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐในเดือนก.ค. คือ ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลค่าเงินบาท ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค รวมถึงเสนอให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2560 รวมถึงเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี กับประเทศอินเดียและปากีสถาน เพื่อขยายตลาดสินค้าไทยและแก้ไขปัญหา อุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพุธ (23 สค.) เงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเชียส่วนใหญ่ ทั้งนี้นักลงทุนจับตาการที่ผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกจะมาประชุมกันที่เมืองแจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงของสหรัฐในวันที่ 24-26 ส.ค. โดยนักลงทุนรอฟังการแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อใช้ในการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แม้ว่าในการคาดการณ์กันส่วนใหญ่นักลงทุนมองว่าทั้งนายดรากีและนางเยลเลนจะไม่ประกาศนโยบายใหม่ในวันศุกร์นี้

- ดอลลาร์/เยน วันพุธ (23 สค.) เงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากเมื่อวานนี้เยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในวันอังคารดอลลาร์สหรัฐฯได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯกล่าวให้ความเห็นในเชิงบวกต่อแนวโน้มที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะสามารถผลักดันการปฏิรูปภาษีได้สำเร็จ นอกจากนี้นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาระบุว่ามีโอกาสเป็นศูนย์ที่สหรัฐจะไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเดือนก.ย. ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกที่ว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพุธ (23 สค.) เงินยูโรแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากเมื่อวานนี้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯและผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาให้ความเห็นเชิงบวกต่อแนวโน้มการดำเนินมาตรการทางการคลังของสหรัฐฯ

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธ (23 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนวิตกกับคำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะปิดหน่วยงานของรัฐบาล หากสภาคองเกรสไม่สามารถอนุมัติเงินเพื่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก แต่ตลาดลดช่วงติดลบลงหลังนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแสดงความเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาล สภาคองเกรสมีเวลาถึงวันที่ 5 ก.ย.ที่ต้องปรับเพิ่มเพดานหนี้ ขณะที่บริษัทฟิทช์ เรทติ้งระบุว่า บริษัทจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของสหรัฐโดยมีแนวโน้มเชิงลบ หากสภาสหรัฐไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.40% สู่ระดับ 21,812.09, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.35% สู่ระดับ 2,444.04 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 0.30% สู่ระดับ 6,278.41

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันพุธ (23 สค.)ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดบวก 0.26% สู่ระดับ 19,434.64 ตลาดได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ แต่ดัชนีลดช่วงบวกในภาคเช้าออกไป หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) และแผนของเขาที่จะสร้างกำแพงที่ชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก ความเห็นเชิงบวกจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี และเพดานหนี้หนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ความเห็นเชิงบวกดังกล่าวถูกบั่นทอนลงหลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะสร้างกำแพงชายแดนกับเม็กซิโก แม้ว่าเขาจำเป็นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลเพื่อหาเงินทุนสนับสนุนให้เพียงพอก็ตาม เขายังกล่าวด้วยว่าเขาอาจจะยุติข้อตกลง NAFTA กับเม็กซิโก และแคนาดา หลังการเจรจา 3 ฝ่ายไม่สามารถประสานข้อขัดแย้งรุนแรงได้ ซึ่งคำกล่าวดังกล่าวเพิ่มความวิตกก่อนการเจรจาเศรษฐกิจและการค้ารอบ 2 ระหว่างเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นและสหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นกำลังจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ หลังจากที่สหรัฐและเกาหลีใต้ได้เริ่มทำการซ้อมรบร่วมกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดลดลง 0.08% มาอยู่ที่ 3,287.67 โดยแรงขายหุ้นกลุ่มเหล็กกล้าได้หักล้างการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารก่อนการแถลงผลประกอบการ

- ตลาดหุ้นไทย วันพุธ ( 23 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวแกว่งตัวในช่วงแคบๆส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.19 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1375
mod_vvisit_counterAll days1375

We have: 1372 guests online
Your IP: 216.73.216.165
Mozilla 5.0, 
Today: Sep 23, 2025

4242040