Snapshot

สหรัฐอเมริกา

สำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ ในไตรมาส 2/2560 เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบรายไตรมาส และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาบ้านสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 6.6%(yoy)

บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) รายงานว่า ธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ มีกำไรพุ่งขึ้นในไตรมาส 2 ซึ่งแสดงถึงภาวะแข็งแกร่งของภาคธนาคาร และเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างเสถียรภาพต่อเศรษฐกิจ โดยธนาคารสหรัฐมีกำไร 4.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 2/2540 เพิ่มขึ้น 10.7% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ธนาคารสหรัฐมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อสินทรัพย์ที่ระดับ 1.14% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อชะลอตัวเป็นไตรมาส 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ FDIC รายงานด้วยว่า จำนวนธนาคารที่มีปัญหาลดลงสู่ระดับ 105 แห่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน จากระดับ 112 แห่งก่อนหน้านี้

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาฟิลาเดลเฟีย รายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจภาคบริการในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ในเดือนสิงหาคมปรับตัวสู่ระดับ 31.8 การเพิ่มขึ้นของดัชนีได้รับผลบวกจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานปรับตัวลง

ยุโรป: เยอรมนี

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนสิงหาคมปรับตัวลงสู่ระดับ 10.0 จุด จากระดับ 17.5 จุดในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 15.0 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม อย่างไรก็ดี ดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 86.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ 86.4 ในเดือนกรกฎาคม

อังกฤษ

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษมีงบประมาณเกินดุลในเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี โดยรัฐบาลมีงบประมาณเกินดุล 0.2 พันล้านปอนด์ (257 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เมื่อเทียบกับตัวเลขขาดดุล 0.3 พันล้านปอนด์ (385 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นของผู้ที่มีอาชีพรับจ้างอิสระ อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังอังกฤษกล่าวว่า การก่อหนี้ในภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยครัวเรือนอังกฤษมีหนี้เฉลี่ยมากกว่า 83,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ

สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยผลสำรวจพบว่า ยอดคำสั่งซื้อภาคการผลิตในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 13 จากระดับ 10 ในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะอยู่ที่ระดับ 9 ด้านดัชนีคาดการณ์ผลผลิตภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากสู่ระดับ 28 ในเดือนกรกฎาคม

เอเชีย: เกาหลีใต้

เจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้และสหรัฐได้เริ่มการเจรจาในวันอังคารที่ผ่านมาเรื่องการแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อายุ 5 ปีแล้ว ขณะที่ฝ่ายบริหารของสหรัฐกำลังหาทางทำตามการประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะลดยอดขาดดุลกับประเทศคู่ค้า ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคีกับเกาหลีใต้เป็น "ข้อตกลงที่เลวร้าย" และระบุว่า เขาจะเจรจาต่อรองใหม่ หรือไม่ก็ยุติข้อตกลงนี้ ในเดือนที่แล้ว สหรัฐได้ออกหนังสือขอจัดการประชุมวาระพิเศษของคณะกรรมาธิการร่วมภายใต้ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เกาหลี (KORUS) เพื่อเจรจาการแก้ไขข้อตกลง นายคิม ฮยุน-ชอง รมว.การค้าของเกาหลีใต้ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐได้เปิดการประชุมผ่านการประชุมทางไกลในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา นายไลท์ไธเซอร์กล่าวในเดือนก.ค.ว่า ยอดขาดดุลการค้าในสินค้าของสหรัฐกับเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 2 เท่าจาก 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2011 สู่ระดับ 2.76 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีที่แล้ว เกาหลีใต้ยืนยันว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และการประชุมคณะกรรมการร่วมก็ไม่ได้หมายความเสมอไปว่า เกาหลีใต้จะเจรจาต่อรองเงื่อนไขใหม่ เกาหลีใต้ยังระบุว่า ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่า ยอดขาดดุลของสหรัฐเป็นผลมาจากปัญหาทางโครงสร้างอื่นๆในอุตสาหกรรมของสหรัฐหรือไม่ ข้อตกลงของทั้งสองประเทศมีการเจรจาเบื้องต้นในช่วงรัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชในปี 2007 แต่ข้อตกลงฉบับนั้นถูกยกเลิกไป และมีการเจรจาใหม่โดยฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในช่วง 3 ปีต่อมา

อินโดนีเซีย

ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 ทั้งนี้ ธนาคารกลางประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) ระยะเวลา 7 วัน โดยปรับลดลง 0.25% สู่ระดับ 4.50% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2016 ซึ่งขณะนั้นธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75% นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.25% สู่ระดับ 3.75% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม 0.25% สู่ระดับ 5.25% ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัว 5.0-5.4% ในปีนี้ และ 5.1-5.5% ในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภคของรัฐบาล

ญี่ปุ่น

รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากไปกว่านี้อีก ถึงแม้บริษัทญี่ปุ่นเชื่อว่า บีโอเจจะต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปีในการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ หรืออาจจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้เลย เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเงินฝืดมาเป็นเวลานานเกือบ 20 ปีแล้ว โดยภาวะดังกล่าวคือการที่ผู้บริโภคเชื่อว่า ราคาสินค้าจะร่วงลงต่อไป ดังนั้นผู้บริโภคจึงจำกัดการใช้จ่ายเงินของตนเอง และภาวะนี้ก็สร้างความกังวลให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย ถึงแม้ผู้กำหนดนโยบายดำเนินมาตรการแข็งกร้าวในการกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน บริษัทนิกเกอิ รีเสิร์ชจัดทำผลสำรวจนี้ให้กับรอยเตอร์ โดยมีบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นราว 244-250 แห่งที่ตอบคำถามเรื่องนโยบายบีโอเจในผลสำรวจนี้ในวันที่ 1-16 ส.ค. ผู้ตอบโพลล์ตั้งข้อสังเกตว่า ภาวะเงินฝืดดำเนินมาเป็นเวลานานเกินไป ในขณะที่การยุติภาวะเงินฝืดเผชิญอุปสรรคจากอายุเฉลี่ยของประชากรญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ประชากรญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางก็กังวลกับเงินสำรองเลี้ยงชีพของตนเองด้วย

ฟิลิปปินส์

นายคาร์ลอส โดมิงเกซ รมว.คลังฟิลิปปินส์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่รู้สึกกังวลกับการอ่อนค่าของเปโซ แต่กำลังจับตาอัตราการเคลื่อนตัวของเปโซ/ดอลลาร์ เปโซอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เตือนเทรดเดอร์ว่า จะเข้าแทรกแซงในตลาดเงินเพื่อสกัดการเก็งกำไร

ไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) ในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operate and Management) โครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายบางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่ารวม 6.1 หมื่นล้านบาท โดยให้เอกชนร่วมลงทุนระยะเวลา 30 ปี

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบงบประมาณ 3.57 พันล้านบาท เพื่อฟื้นฟูถนนและโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะใช้งบกลางปี 60 จำนวน 2.1 พันล้านบาท และขอเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณของกระทรวงคมนาคมจากส่วนอื่น มาใช้เพื่อการฟื้นฟูอีก 1.4 พันล้านบาท ขณะที่ช่วงเช้ากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.-15 ส.ค.60 มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 44 จังหวัด และปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 5 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ยโสธร และพระนครศรีอยุธยา โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบ 1.9 ล้านคน, เกษตรได้รับความเสียหาย 1.51 ล้านไร่ และถนนเสียหาย 2,401 จุด โดยมีผู้เสียชีวิต 36 ราย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติร่างสัญญาที่ 2.1 ซึ่งเป็นงานออกแบบรายละเอียดโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.7 พันล้านบาท นายกอบศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าสัญญานี้จะเป็นสัญญาที่ รฟท.ว่าจ้างรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นตัวแทนของจีน ซึ่งมีประสบการณ์ตรงในการออกแบบก่อสร้างงานโยธา รวมถึงเรื่องโครงสร้างยกระดับ อุโมงค์ สะพาน ย่านสถานี โดยมีระยะเวลา 10 เดือน มูลค่า 1,700 ล้านบาท หลังจากนี้จะมีการนำสัญญาที่ 2.2 ซึ่งเป็นสัญญาที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการ รวมถึงสัญญาที่ 3 เรื่องระบบอาณัติสัญญาณ ทยอยเข้าสู่การประชุม ครม.ต่อไป

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันอังคาร (22 สค.) เงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่บาทอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจับตาข้อมูลการโอนเงินบาทระหว่างบัญชีของผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ(NR) อย่างใกล้ชิดมากขึ้นหลังพบว่าในช่วงที่ผ่านมาธุรกรรมปรับสูงขึ้นมากกว่าปกติ สำหรับค่าเงินอื่นโดยรวมวันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับการที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียสูงขึ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้

- ดอลลาร์/เยน วันอังคาร (22 สค.) เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมที่แจ็คสัน โฮลในวันศุกร์นี้ ขณะที่ปัจจัยเรื่องคาบสมุทรเกาหลีก็ยังต้องจับตาต่อเนื่องในช่วงที่สหรัฐและเกาหลีใต้มีการซ้อมรบร่วมกัน

- ยูโร/ดอลลาร์ วันอังคาร (22 สค.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่สัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางที่เมืองแจ็คสัน โฮล ในวันที่ 24-25 ส.ค.เพื่อดูทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญเช่นธนาคารกลางสหรัฐฯและธนาคารกลางยุโรป

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันอังคาร (22 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยดัชนีสำคัญทั้ง 3 ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดในวันเดียวในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี และเพดานหนี้จากสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.90% สู่ระดับ 21,899.89, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.99% สู่ระดับ 2,452.51 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 1.36% สู่ระดับ 6,297.48

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันอังคาร (22 สค.)ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่สูงขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ดีดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลดลง 0.05% สู่ระดับ 19,383.84 หลังจากเคลื่อนตัวระหว่างแดนบวกและลบ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี แต่การสูงขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวกับโลหะช่วยทำให้ตลาดฟื้นตัวขึ้น นักลงทุนระมัดระวัง ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้ได้เริ่มการซ้อมรบร่วมกันแล้วเมื่อวันจันทร์ ซึ่งจะเพิ่มสถานการณ์ตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งออกมาระบุว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นขั้นตอนที่ "ไร้ความรับผิดชอบ" ที่จะนำไปสู่ข้อพิพาทด้านนิวเคลียร์ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดบวก 0.13% มาอยู่ที่ 3,291.02 โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มวัสดุเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น 0.91% สู่ระดับ 27,401.67 โดยได้แรงหนุนจากการการแถลงผลกำไรที่สดใสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จีนหลายบริษัท และการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ส่วนดัชนีหุ้นเอช หรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดพุ่งขึ้น 1.9% มาอยู่ที่ 10,954.92

- ตลาดหุ้นไทย วันอังคาร ( 22 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้สูงขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ โดยมีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 3.57 จุด

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 23 ส.ค. 2560

Written by :

กระแสหุ้นออนไลน์

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment