Snapshot

สหรัฐอเมริกา

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวขึ้น 5.5% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 2.6% (yoy) การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากสต็อกบ้านในตลาดเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการจ้างงานที่มีเสถียรภาพ นอกจากนี้ สภาพอากาศที่อบอุ่นในเดือนที่ผ่านมา และการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนแห่ซื้อบ้านเช่นกัน

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาชิคาโก แสดงการสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 หรือ 2 ครั้งในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าได้ตามเป้าหมายของธนาคารกลางในเรื่องการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ นายอีแวนส์กล่าวในการประชุม DZ Bank-OMFIF International Capital Markets Conference ที่นครแฟรงก์เฟิร์ตว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยอัตราว่างงานปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.7% ซึ่งใกล้ถึงจุดที่มีการจ้างงานเต็มที่ (full employment) ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุผลให้เขาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 หรือ 2 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ อีแวนส์เป็นหนึ่งในกรรมการที่ออกเสียงสนับสนุนให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมเมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน และครั้งที่ 3 ในรอบ 10 ปี พร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เศรษฐกิจสหรัฐอาจมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 2% ขณะที่อัตราว่างงานอาจลดลงจนถึงจุดที่สามารถทำให้เงินเฟ้อคงที่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ก็จะค่อยๆปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในปี 2562 และหากการคาดการณ์นี้แม่นยำ นายอีแวนส์คาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์เฉลี่ยของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ภายในสิ้นปีหน้า

นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันอังคารว่า ผลกระทบที่เศรษฐกิจได้รับจากคณะผู้บริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงมีความไม่แน่นอนมากเกินไป ดังนั้นเฟดจึงไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาต่อผลกระทบดังกล่าวได้ และไม่สามารถปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ใหม่ได้ในช่วงนี้ เมื่อได้รับคำถามเรื่องความล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพในสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลได้ตอบว่า ความไม่แน่นอนในเรื่องขอบเขต, กำหนดเวลา และเนื้อหา" ของนโยบายของปธน.ทรัมป์ สร้างความยากลำบากให้แก่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดในการประเมินผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว นายพาวเวลกล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลกระทบจากนโยบาย เมื่อมีความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงไม่นำผลกระทบใดๆ มาใช้ในการพิจารณาในตอนนี้และเขากล่าวเสริมว่าเป็นเรื่องยากที่จะประเมินเรื่องนี้ จนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง

ยุโรป:อังกฤษ

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ลงนามในหนังสือแจ้งความจำนงในการใช้มาตรา 50 เพื่อเริ่มกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ นางเทเรซา เมย์จะยื่นหนังสือดังกล่าวต่อ EU ก่อนที่จะมีการประกาศใช้มาตรา 50 ต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปีเพื่อแยกตัวออกจาก

สหภาพยุโรป

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ณ สภาสามัญชน (House of Commons) หลังจากนายทิม บาร์โรว์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหภาพยุโรป ได้ยื่นหนังสือแจ้งความจำนงดังกล่าวต่อนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ภาคธุรกิจของอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลให้หาทางทำข้อตกลงในการช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษได้เดินหน้ากระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ สมาพันธุ์ธุรกิจอังกฤษได้ผลักดันให้รัฐบาลรับประกันในเรื่องสิทธิของพนักงานของสหภาพยุโรปที่ทำงานอยู่ในอังกฤษในระหว่างที่ได้มีการเจรจาต่อรองเพื่อถอนตัวจากสหภาพยุโรป รวมทั้งการบริหารจัดการในช่วงเปลี่ยนผ่านหากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทางสหภาพยุโรปได้ภายในระยะเวลา 2 ปี

เยอรมนี

Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 112.3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะอยู่ที่ระดับ 111.1 จากระดับ 111.0 ในเดือนก่อน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 119.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 118.4 ในเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 105.7 ผลสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีแรงขับเคลื่อน และคาดว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามการคาดการณ์ของธนาคารกลางเยอรมนี โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตและบริการ แม้ว่าอาจได้รับความเสี่ยงจากสถานการณ์ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส

เอเซีย: จีน

กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า จีนได้เรียกร้องให้สหรัฐทำการสอบสวนอย่างเป็นธรรมต่อการนำเข้าอะลูมิเนียมฟอยล์จากจีน และปฏิบัติตามแนวนโยบายที่กำหนดโดยองค์การการค้าโลก (WTO) กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในแถลงการณ์ผ่านเว็บไซท์ว่าการใช้มาตรการเยียวยาการค้าที่ไม่เหมาะสม นอกจากจะทำลายผลประโยชน์จากการส่งออกของบริษัทอะลูมิเนียมฟอยล์ของจีนแล้ว ยังจะลดขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำของสหรัฐด้วย ด้านกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐแถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะทำการสอบสวนครั้งใหม่เกี่ยวกับภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด และภาษีตอบโต้การอุดหนุนบริษัทอะลูมิเนียมฟอยล์จากจีน

ญี่ปุ่น

ยอดค้าปลีกญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ.ปีนี้เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ในขณะที่ผู้บริโภคปรับลดรายจ่ายด้านอาหารและสินค้าคงทน หลังจากนายจ้างญี่ปุ่นเสนอปรับขึ้นค่าแรงในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ยอดค้าปลีกญี่ปุ่นขยับขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.5% ต่อปีสำหรับเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้ยอดค้าปลีกเพิ่งพุ่งขึ้น 1.0% ต่อปีในเดือนม.ค.

เกาหลีใต้

ธนาคารกลางเกาหลีเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้ผลิตของเกาหลีใต้มีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มธุรกิจในเดือนเม.ย.มากกว่าในเดือนมี.ค. ซึ่งความเชื่อมั่นภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคการผลิตสำหรับเดือนเม.ย.ลดลงสู่ระดับ 78 จากระดับ 79 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2015 ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 100 บ่งชี้ว่า บริษัทที่คาดว่าสภาวะทางธุรกิจจะแย่ลงในเดือนหน้าจะมีจำนวนมากกว่าบริษัทที่คาดว่าสภาวะทางธุรกิจจะดีขึ้น ดัชนีสูงกว่าระดับ 100 ครั้งล่าสุดในเดือนก.ย. 2010 ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า การอุปโภคบริโภคที่ซบเซาในประเทศ และความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในการทำธุรกิจ แต่ก็ระบุถึงภาวะการส่งออก และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นด้วย

เวียดนาม

รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่าเศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัว 5.1% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดของช่วงเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2015 ขณะที่สภาพอากาศที่เลวร้ายกระทบการผลิตภาคเกษตรกรรม  ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติเวียดนามกล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้อาจจะไม่บรรลุเป้าหมาย 6.7% ถ้าทิศทางในปัจจุบันยังดำเนินต่อไป

ไทย

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามที่นักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 24 ราย ในโพลล์รอยเตอร์ คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% เป็นครั้งที่ 15 ติดต่อกันในการประชุมวันนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับดังกล่าว นับตั้งแต่กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนเม.ย.ปี 58  ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 12 จาก 16 รายในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า กนง.จะตรึงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมตลอดทั้งปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์อีก 4 ราย คาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และควบคุมปริมาณเงินทุนไหลออก หลังจากที่สหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ย

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ปี 60 ของไทย ขยายตัว 3.4% จากเดิมคาดไว้โต 3.2% โดยมองการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกเริ่มฟื้นตัวได้ชัดเจน โดย กนง.ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกปี 60 เป็นเติบโต 2.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 0.0% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ประมาณการเศรษฐกิจปี 60 ขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้เดิม มาจากการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น นอกจากนั้น มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นด้วย และเรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐ ส่วนในปี 61 กนง.คาดว่า จีดีพีจะขยายตัว 3.6% และการส่งออกจะเติบโตได้ 2.0% เขากล่าวอีกว่า กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านต่ำมากขึ้น จากปัจจัยต่างประเทศ แต่เชื่อว่าระบบการเงินของไทย มีเสถียรภาพรองรับความผันผวนจากภายนอกได้ อย่างไรก็ตาม กนง.เห็นว่า การแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้ ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นช้ากว่าคาด จากราคาน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด

ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุ การที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เป็นผลจากไทยมีความเสี่ยงด้านต่างประเทศต่ำกว่า ส่งผลให้เงินทุนไหลออกไม่มากเท่ากับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค แต่ ธปท.ยืนยันว่า เงินบาทไม่ได้ผันผวนมากกว่าสกุลเงินภูมิภาค นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่าบาทที่แข็งหรืออ่อนค่า มาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ซึ่งเป็นทั้งภูมิภาค ค่าเงิน emerging ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ความผันผวนของเงินบาทไม่ได้มากกว่าคนอื่น แต่ที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่า เพราะตลาดมองว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงน้อย มีเสถียรภาพด้านต่างประเทศค่อนข้างดี มีความเพียงพอของทุนสำรองสูง หนี้ระยะสั้นต่อทุนสำรองก็ต่ำ

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มั่นใจว่า รฟท.จะจัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคา(TOR) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยโครงการไหนมีความพร้อมก็จะทยอยออก TOR ทันที เขาคาดว่าก่อนสงกรานต์จะออก TOR เส้นทางช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ได้เป็นสายแรก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้นำ 6 โครงการ เข้ากระบวนการ PPP Fast Track ในปีนี้ ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการ PPP กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า การลงทุน 6 โครงการที่นำเข้า PPP Fast Track ในปีนี้ มีมูลค่ารวมกว่า 6 แสนล้านบาท สำหรับ 6 โครงการดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก มูลค่า 1.31 แสนล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตกและช่วงตะวันออก มูลค่า 1.96 แสนล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง มูลค่า 3.94 หมื่นล้านบาท โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) สายนครปฐม-ชะอำ มูลค่า 8.01 หมื่นล้านบาท, โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ระยอง มูลค่า 1.52 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟสายเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ถึงกรอบวงเงินลงทุนที่ชัดเจน

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพุธ (29 มีค.) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าก่อนที่ช่วงบ่ายเงินบาทจะแข็งค่า ทั้งนี้ปัจจัยเรื่องการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯยังหนุนดอลลาร์สหรัฐฯให้มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ อย่างไรก็ดีช่วงนี้ดอลลาร์สหรัฐฯถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองสหรัฐฯซึ่งนักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นน้อยลงต่อความสามารถในการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขณะที่ด้านนโยบายการเงินล่าสุดนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า การที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ถือว่ามีความเหมาะสม และระบุว่ามุมมองของ Fed ในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก นอกจากนี้ยังระบุว่า Fed กำลังจับตารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการบริหารงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในอนาคต ด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาดัลลัส กล่าวว่าจะสนับสนุนให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าจนทำให้ Fed สามารถบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นอกจากนี้มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวราว 2.25% ในปีนี้ แต่การที่เศรษฐกิจจะขยายตัวเร็วขึ้นหรือช้าลงนั้น ส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนโยบายต่างๆที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะนำมาบังคับใช้

- ดอลลาร์/เยน วันพุธ (29 มีค.) เงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้โดยช่วงนี้นักลงทุนลดมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯลงส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาอ่อนค่าชั่วคราวเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ อย่างไรก็ดีดอลลาร์สหรัฐฯสามารถกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วได้หากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีต่อเนื่องหรือคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯออกมาแสดงความเห็นกระตุ้นการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอีก

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพุธ ( 29 มีค.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้โดยในวันนี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีกำหนดที่จะแจ้งอย่างเป็นทางการต่อสหภาพยุโรปว่าสหราชอาณาจักรต้องการออกจาก EU ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มของการเจรจาเงื่อนไขต่างๆซึ่งจะใช้เวลาสองปี

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธ ( 29 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวทั้งขี้นและลงในวันพุธ โดยดัชนี S&P 500 ปิดบวกเล็กน้อยเนื่องจากได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มคอนซูเมอร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง และนักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.20% สู่ระดับ 20,659.32, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.11% สู่ระดับ 2,361.13 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.38% สู่ระดับ 5,897.55

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันพุธ ( 29 มีค.)ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดบวก  0.08% มาอยู่ที่ 19,217.48 หลังจากเคลื่อนตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ ทั้งนี้รายงานข่าวชี้ว่าการปรับฐานของราคาหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD กดดันตลาด และบดบังความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากการสูงขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวานนี้  ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดลดลง 0.36% มาอยู่ที่ 3,241.31 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน และนโยบายที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่มีการดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบการเงินเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากธนาคารกลางจีนได้งดเว้นการเข้าซื้อพันธบัตรในตลาดรอง

- ตลาดหุ้นไทย วันพุธ( 29 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้สูงขึ้นในช่วงแรกก่อนที่จะลดลงในเวลาต่อมา โดยวันนี้มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ พลังงาน รับเหมาก่อสร้าง ขนส่ง และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 1.75 จุด

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 30 มี.ค. 2560

Written by :

กระแสหุ้นออนไลน์

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment