Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Wednesday, 29 March 2017 11:21

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาดัลลัส ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งจัดโดย Texas A&M University โดยระบุว่าจะสนับสนุนให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเดินหน้าจนทำให้ Fed สามารถบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นอกจากนี้ ยังคงเน้นย้ำถึงมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวราว 2.25% ในปีนี้ แต่การที่เศรษฐกิจจะขยายตัวเร็วขึ้นหรือช้าลงนั้น ส่วนหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนโยบายต่างๆที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะนำมาบังคับใช้ ขณะเดียวกันยังระบุว่า รัฐบาลควรตระหนักถึงการปฏิรูปโครงการต่างๆ เช่น โครงการประกันสังคม และโครงการเมดิแคร์ เนื่องจากโครงการเหล่านี้อาจส่งผลให้หนี้สินของรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ นายแคปแลนมีสิทธิ์โหวตนโยบายการเงินของ Fed ในปีนี้

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกัน 4 ครั้งในปีนี้ หากเศรษฐกิจยังคงปรากฏให้เห็นความแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อขยายตัวตามเป้า อย่างไรก็ดี นายอีแวนส์ระบุว่า หากเศรษฐกิจส่งสัญญาณไม่แน่นอน ก็อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งนายอีแวนส์ก็มองว่ามีโอกาส แต่ต้องขอประเมินแนวโน้มให้มั่นใจก่อน ก่อนหน้านี้ นายอีแวนส์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.0-2.5% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าอัตราการขยายตัวในระยะยาว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.75% พร้อมยังคาดว่า อัตราว่างงานจะร่วงลงสู่ระดับ 4.25% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าระดับที่ยั่งยืนในระยะยาวที่ 4.7% และจะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสู่เป้าหมายของFed ที่ 2 % จากปัจจุบันที่ 1.7%

นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ระบุว่า การที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ถือว่ามีความเหมาะสม พร้อมยังระบุว่า มุมมองของ Fed ในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก นอกจากนี้ ยังระบุว่า Fed กำลังจับตารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการบริหารงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในอนาคต

สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 5.941 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 6.161 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯในเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 5.9% สู่ระดับ 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 6.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม

ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 125.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2000 หลังจากอยู่ที่ระดับ  114.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ตรงกันข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะแตะระดับ 114.0 ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะธุรกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐฯ ที่จัดทำโดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากที่เพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนธันวาคม ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนก่อน โดยได้แรงหนุนจากสต็อกบ้านที่อยู่ในระดับต่ำ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองซีแอตเติล, พอร์ทแลนด์ และเดนเวอร์

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานFed  ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม "The National Community Reinvestment Coalition Annual Conference" เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่Fed คนอื่นๆก็มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธาน Fed สาขาแคนซัสซิตี้, นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธาน Fed สาขาดัลลัส และนายเจย์ โพเวลล์ ผู้ว่าการFed

 

ยุโรป: อังกฤษ

นายเอียน แมคคาฟเฟอร์ตี กรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษกำลังมีการขยายตัวขึ้นเล็กน้อย แต่อาจได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมระบุตอ่ไปอีกว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และถอนมาตรการ QE ทันทีที่เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือได้

 

สเปน

นายหลุยส์ เดอ กินโดส รมว.เศรษฐกิจ, อุตสาหกรรม และการแข่งขันของสเปน กล่าวว่า รัฐบาลจะสร้างงานใหม่จำนวน 500,000 ตำแหน่งในปีนี้ และจะลดอัตราการว่างงานให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 17% พร้อมกันนี้ยังได้แสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถสร้างงานในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 390,500 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ สเปนมีคนว่างงานจำนวน 3.7 ล้านคน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 18.4% นอกจากนี้ นายเดอ กินโดสกล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถลดอัตราการว่างงานในปีนี้ให้อยู่ต่ำกว่า 17.6% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของรัฐบาล ก็จะถือว่ารัฐบาลสามารถลดการว่างงานของประชาชนลงได้ 10% จากระดับมากกว่า 4.5 ล้านคนในปี 2013

 

เอเซีย: จีน

ธนาคารกลางจีนระบุว่า ธนาคารกลางจีนจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทผู้ผลิตสินค้า เพื่อช่วยในการยกระดับและปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัย ซึ่งรวมถึงมาตรการขยายขอบเขตของบริษัทประกันในการลงทุนในภาคการผลิต ธนาคารกลางจีนระบุว่า ทางธนาคารจะสนับสนุนการแปลงสินทรัพย์ด้านสินเชื่อในภาคการผลิตให้กลายเป็นหลักทรัพย์ด้วย

บริษัทไชน่า เรลเวย์ คอร์ปเปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มปริมาณถ่านหินที่มีการขนส่งด้วยรถไฟไปยังท่าเรือฉินหวงเต่า และจะเพิ่มสต็อกที่ท่าเรือก่อนการซ่อมบำรุงทางรถไฟสายสำคัญประจำปี การซ่อมบำรุงเส้นทางรถไฟต้าถง-ฉินหวงเต่าซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนเม.ย.นี้ จะเพิ่มความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับปริมาณถ่านหินที่ตึงตัวในปีนี้ ขณะที่ราคาถ่านหินพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ไชน่า เรลเวย์เปิดเผยว่า บริษัทมีเส้นทางรถไฟโดยตรงจำนวน 62 เส้นทางสำหรับการขนส่งถ่านหิน ทั้งนี้จีนมีการขนส่งถ่านหินรายวันเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนนี้เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

ญี่ปุ่น

รัฐบาลญี่ปุ่นได้วางแผน ซึ่งจะเพิ่มค่าจ้างให้แก่พนักงานแบบสัญญาจ้าง แต่จะใช้วิธีการโน้มน้าวเพื่อควบคุมชั่วโมงทำงานที่ยาวนานของญี่ปุ่น แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปแรงงานของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ซึ่งเขาได้ระบุว่าเป็นแนวทางเพื่อลดช่องว่างด้านรายได้ และทำให้ง่ายขึ้นสำหรับสตรี, ผู้สูงอายุ และเยาวชนมากขึ้นที่จะเข้าสู่การทำงานค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นน่าจะเป็นการส่งเสริมการอุปโภคบริโภคด้วย แต่การลดชั่วโมงการทำงานอาจจะเป็นเรื่องที่ยากกว่า เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนคนงานในอุตสาหกรรมหลายๆกลุ่ม

 

ไทย

คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติการแก้ไขกฎหมายธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เพื่อขยายขอบเขตการทำธุรกิจ โดยมีประเด็นสำคัญคือ ให้ธอส.สามารถออกขายสลากออมทรัพย์ได้ เพื่อเป็นการระดมเงินในระยะยาวกว่าการรับฝากเงิน ซึ่งจะสอดคล้องกับการให้สินเชื่อบ้านของ ธอส.ที่เป็นสินเชื่อระยะยาว  อีกทั้งขยายขอบเขตให้สามารถประกอบธุรกิจให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ได้เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น ตลอดจนสามารถทำธุรกิจรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมถึงการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าผู้กู้บ้านได้อย่างครบวงจร ซึ่งอาจรวมถึงการเข้าถือหุ้นในธุรกิจประกัน เพื่อให้มีต้นทุนการทำประกันที่ถูกลง นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของ ธอส.ให้รองรับกับการให้สินเชื่อแก่ผู้สูงอายุในรูปแบบ Reverse Mortgage ตามนโยบายของรัฐบาลด้วย เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบร่างสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนรายเดิม ในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ รวมทั้งให้ความเห็นชอบที่จะให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)  สำหรับเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานที่สำคัญ เช่น จะมีการดำเนินการในลักษณะ PPP net cost ซึ่งจะทำให้ภาระของภาครัฐลดลง และยังมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารแรกเข้าครั้งเดียวที่ 16 บาท และค่าโดยสารสูงสุดตลอดสาย ยังอยู่ที่ 42 บาท หลังจากมีการก่อสร้างครบทั้ง 47 กิโลเมตร(กม.) รวม 37 สถานี เท่ากับในปัจจุบัน นอกจากนี้ทางผู้รับสัมปทานจะต้องเร่งดำเนินการเปิดให้บริการช่วงเตาปูน-บางซื่อ ภายในเดือนส.ค. แต่ทางผู้รับเหมาอาจจะสามารถดำเนินการได้เสร็จก่อนเดือนส.ค. ส่วนช่วงหัวลำโพง-บางแค คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 30 เดือน ขณะที่ช่วงเตาปูน-ท่าพระ จะใช้เวลา 36 เดือน ส่วนระยะเวลาสัญญาสัมปทาน จะมีระยะเวลา 33 ปี โดยเป็นช่วงการก่อสร้าง 3 ปี และการดำเนินการอีก 30 ปี คือตั้งแต่ปี 60-92 นอกจากนั้น ยังได้มีการขยายสัญญาของโครงการสายเฉลิมรัชมงคลเดิม ออกไปอีก 20 ปี เพื่อให้สิ้นสุดพร้อมกันในปี 92 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 72 ส่วนการกำหนดอัตราผลตอบแทน(IRR) ของผู้รับสัมปทาน จะอยู่ที่ 9.75% แต่ถ้า IRR อยู่ที่ 9.75-11% จะแบ่งกระแสเงินสดกันระหว่าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กับผู้รับสัมปทาน 50:50 แต่ถ้า IRR เพิ่มเป็น 11-15% จะแบ่งกระแสเงินสดกัน 60:40 และถ้า IRR สูงกว่า 15% ขึ้นไป จะแบ่งกระแสเงินสดกัน 75:25 อย่างไรก็ตาม ถ้า IRR ต่ำกว่า 9.75% ภาคเอกชนจะไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงิน

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย  เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมครม. โดยมีการเสนอแพคเกจส่งเสริมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีทั้งมาตรการของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และมาตรการอื่นๆ  เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบีโอไอ เห็นชอบเปิดให้ส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างครบวงจร ซึ่งครอบคลุมถึงกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า และกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และสอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนเทคโนโลยีรถยนต์ในตลาดโลก

 

ประเด็นที่น่าสนใจ

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะประกาศมติการประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันพุธที่ 29 มีนาคมนี้

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันอังคาร (28 มีค.) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเชียส่วนใหญ่ ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงต่อความสามารถในการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีการลดการคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯด้วย อย่างไรก็ดีล่าสุดนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาชิคาโกกล่าวว่า เขามองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้มาก แต่เขากล่าวเสริมว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งหรือ 4 ครั้งในปีนี้ก็เป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้เช่นกัน เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลลงเมื่อใด แต่เขากล่าวว่ามีการหารือกันในเรื่องกำหนดเวลาในการระบายสินทรัพย์ออกจากงบดุลของเฟด และมีการหารือกันในเรื่องจังหวะความเร็วในการระบายสินทรัพย์ออกมาด้วย โดยเขามองว่า ในอนาคตเฟดจะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุลลง และเฟดน่าจะส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดขนาดงบดุลลงอย่างมีวินัยท่ามกลางความเข้าใจเป็นอย่างดีในตลาด และน่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นอย่างดี

- ดอลลาร์/เยน วันอังคาร (28 มีค.)   เงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากช่วงนี้ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯลดลง อย่างไรก็ดีเยนได้อ่อนค่าในช่วงตลาดสหรัฐฯ

- ยูโร/ดอลลาร์ วันอังคาร ( 28 มีค.) เงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ผู้แทนสองคนของเยอรมนีในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรปเรียกร้องให้อีซีบีเตรียมพร้อมสำหรับการปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อใดก็ตามที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเอื้ออำนวย นายเยนส์ วีดมานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนีและนางซาบีน เลาเทนชแลเกอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารอีซีบี เป็นผู้ที่แสดงความเห็นดังกล่าว ความเห็นของทั้งสองสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกภายในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีด้วย ในขณะที่กรรมการบางคนสนับสนุนนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมาก และนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรจำนวนมากของอีซีบีในปัจจุบัน โดยนายปีเตอร์ แพรท หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี และนายยาน สเมทส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางเบลเยียมได้กล่าวปกป้องนโยบายดังกล่าวของอีซีบีก่อนหน้านี้

 

Capital Market

- ตลาดสหรัฐฯ วันอังคาร ( 28 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงานสูงขึ้น หลังจากข้อมูลบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปีในเดือนมี.ค. ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในตลาดแรงงาน ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงอย่างมากในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค.ซึ่งบ่งชี้ถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยหนุนตลาดด้วย ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.73% สู่ระดับ 20,701.50, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.73% สู่ระดับ 2,358.57 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.60% สู่ระดับ 5,875.14

- ตลาดหุ้นเอเชีย วันอังคาร ( 28 มีค.) ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.14% มาอยู่ที่ 19,202.87 ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดลดลง 0.43% มาอยู่ที่ 3,252.99 จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะสภาพคล่องที่ตึงตัว หลังจากธนาคารกลางจีนได้งดเว้นการอัดฉีดเงินทุนระยะสั้นเข้าสู่ระบบธนาคารเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน  สำหรับดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น  0.63% มาอยู่ที่ระดับ 24,345.87  โดยนักลงทุนคาดหวังว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่วางแผนแม้เขาประสบความล้มเหลวในการผ่านการปฏิรูประบบประกันสุขภาพในสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม

- ตลาดหุ้นไทย วันอังคาร ( 28 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 6.22 จุด ขณะที่วันนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,675.69 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับภาวะที่เงินบาทช่วงนี้กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯหลังความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงต่อความสามารถในการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 29 มี.ค. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday803
mod_vvisit_counterAll days803

We have: 799 guests online
Your IP: 216.73.216.0
Mozilla 5.0, 
Today: Dec 26, 2025

4225448