| สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย |
|
|
|
| Tuesday, 28 March 2017 11:00 | |||
|
Snapshot
สหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคพลังงานของสหรัฐ ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวของปธน.ทรัมป์จะช่วยอำนวยความสะดวกให้บริษัทในภาคพลังงานของสหรัฐสามารถผลิตพลังงานได้ง่ายขึ้น ขณะที่สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐ (EPA) จะผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดที่มีการกำหนดไว้ในสมัยของอดีตปธน.บารัค โอบามา โดยเฉพาะการผลิตน้ำมันจากซากฟอสซิล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า คำสั่งของปธน.ทรัมป์จะช่วยลดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นซึ่งได้ขัดขวางการใช้ทรัพยากรพลังงานภายในประเทศ
ยุโรป: เยอรมนี Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 112.3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะอยู่ที่ระดับ 111.1 และสูงกว่าสถิติเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 111.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 119.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 118.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ดัชนีการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ105.7 ทั้งนี้ ผลสำรวจความเชื่อมั่นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงมีแรงขับเคลื่อน และคาดว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามการคาดการณ์ของธนาคารกลางเยอรมนี โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิตและบริการ แม้ว่าอาจได้รับความเสี่ยงจากสถานการณ์ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส นางซาบีน ลอเทนชเลเกอร์ ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ควรเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมายของ ECB โดยนางซาบีน ลอเทนชเลเกอร์ ระบุว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบันยังคงมีความจำเป็น เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนี้ แต่ก็หวังว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอีกก่อนถึงการประชุมในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดี นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซนยังคงอ่อนแอเกินไป และขณะนี้เป็นเวลาเร็วเกินไปที่จะลดระดับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
รัสเซีย นายแม็กซิม โอเรชกิน รัฐมนตรีเศรษฐกิจรัสเซีย กล่าวว่า การดำเนินงานของรัฐบาลรัสเซียเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่สามารถคาดการณ์ได้ จะช่วยผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงมากขึ้น ทั้งนี้ นายโอเรชกินระบุดังกล่าว หลังจากที่ธนาคารกลางรัสเซียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 9.75% สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ย
อังกฤษ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศแผนการทดสอบภาวะวิกฤตของภาคธนาคาร ซึ่งการทดสอบภาวะวิกฤตดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นแบบจำลองใน 2 สถานการณ์ โดยแบบจำลองที่ 1 จะเกี่ยวข้องกับการที่ธนาคารเผชิญกับปัจจัยต่างๆที่จะสร้างความตื่นตระหนกทางเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น เศรษฐกิจโลก และสหราชอาณาจักรเผชิญภาวะถดถอย จนส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหราชอาณาจักรหดตัวลง 4.7% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยธนาคารพุ่งขึ้นแตะระดับ 4% และราคาบ้านดิ่งลง 33% ส่วนในแบบจำลองที่ 2 จะเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงในระยะยาว เช่น เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวที่อ่อนแอ ขณะที่การค้าทั่วโลกซบเซาลง ส่วนอัตราดอกเบี้ยธนาคารร่วงแตะระดับ 0% ท่ามกลางการเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ แบบจำลองทั้ง 2 จะให้ความสำคัญต่อแรงกดดันต่อผลกำไรในภาคธนาคาร และ BoE จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤตของภาคธนาคารในไตรมาส 4 ของปีนี้
เอเชีย: ญี่ปุ่น ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยบทสรุปความเห็นของสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. โดยบทสรุประบุว่า สมาชิกคณะกรรมการกล่าวว่า จะมีการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะว่าอัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับที่ห่างจากเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2 % ของบีโอเจ สมาชิกคณะกรรมการไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า บีโอเจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ประเภทอายุ 10 ปี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่างชาติพุ่งขึ้น โดยสมาชิกคณะกรรมการกล่าวว่า บีโอเจควรจะมุ่งความสนใจไปยังเศรษฐกิจภายในประเทศเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดีสมาชิกบางคนแสดงความกังวลต่อความสามารถของบีโอเจในการควบคุมอัตราผลตอบแทน JGB ประเภทอายุ 10 ปีในอนาคต สมาชิกคนหนึ่งกล่าวว่าผู้เกี่ยวข้องในตลาดบางรายระบุว่า บีโอเจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เพื่อตอบรับต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในต่างประเทศ อย่างไรก็ดีการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินในญี่ปุ่นควรจะตั้งอยู่บนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและราคาของญี่ปุ่น และจะต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่บีโอเจจะมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน ในการประชุมในวันที่ 15-16 มี.ค. บีโอเจได้ตัดสินใจตรึงนโยบายการเงินไว้ตามเดิม บีโอเจยังคงตรึงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และให้สัญญาว่าจะชี้นำอัตราผลตอบแทน JGB ประเภท 10 ปีไว้ที่ราว 0% ต่อไป บีโอเจยังคงให้สัญญาตามเดิมว่า บีโอเจจะตรึงอัตราการปรับเพิ่มปริมาณการถือครอง JGB ไว้ที่ 80 ล้านล้านเยน (7.2398 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี สมาชิกบีโอเจอีกคนหนึ่งกล่าวว่า บีโอเจได้ปรับเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อ JGB เป็นอย่างมากในเดือนก.พ. เพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทน และสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนในนโยบายของบีโอเจในการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน สมาชิกคนนี้กล่าวว่าสิ่งนี้บ่งชี้ว่าบีโอเจอาจจะมีความจำเป็นต้องเข้าซื้อ JGB ปริมาณมากในอนาคต เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายอัตราผลตอบแทน รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะปรับขึ้นค่าแรงในอัตราที่ช้ากว่าในปี 2016 ซึ่งสิ่งนี้สวนทางกับความพยายามของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการปรับเพิ่มค่าแรงและการบริโภค ผลสำรวจภาคเอกชนโดยรอยเตอร์ระบุว่า มีธุรกิจญี่ปุ่นเพียง 19% ที่จะปรับขึ้นค่าแรงรายเดือนในอัตรา 2% หรือสูงกว่านั้น หลังจากบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นเคยปรับขึ้นค่าแรงในอัตราเฉลี่ย 2.14% ในปี 2016 ตัวเลขข้างต้นหมายความว่ามีบริษัทญี่ปุ่นราว 81% ที่วางแผนปรับขึ้นค่าแรงในปีนี้ในอัตราที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ตัวเลขข้างต้นเป็นการรวมตัวเลขการปรับขึ้นค่าจ้างโดยอัตโนมัติตามระบบอาวุโสของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นระบบที่มีการปรับขึ้นเงินเดือนทุกปีกับตัวเลขการปรับขึ้นค่าแรงพื้นฐานเพิ่มเติม รอยเตอร์จัดทำโพลล์นี้จากการสอบถามบริษัทญี่ปุ่นในวันที่ 7-21 มี.ค. โดยมีบริษัทราว 230 แห่งที่ตอบแบบสำรวจกลับมา ทั้งนี้บริษัท 63% ระบุว่า ทางบริษัทจะปรับขึ้นค่าแรง 1-2% ในปีนี้ ในขณะที่บริษัท 18% ระบุว่าทางบริษัทจะปรับขึ้นค่าแรงในอัตราต่ำกว่า 1%
เกาหลีใต้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า กลุ่มผู้ผลิตของเกาหลีใต้จะใช้การลงทุนด้านทุนในปีนี้มากกว่าในปีที่แล้ว แต่งบรายจ่ายดังกล่าวจะอยู่ในระดับต่ำ และส่วนใหญ่มุ่งไปที่การรักษาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานโรงงานมากกว่าการขยาย BOK เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเห็นผู้ผลิต 271 รายทั่วประเทศพบว่า ผู้ผลิต 66.7% มีแผนที่จะขยายการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในโรงงานในปีนี้ เทียบกับ 33.9% ที่ระบุว่า การลงทุนจะลดลง
ฮ่องกง นางแคร์รี แลม ว่าที่ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงประชุมกับนายเหลียง ชุน-หยิง ผู้นำฮ่องกงคนปัจจุบันในวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้เรียกร้องให้มีการถ่ายโอนอำนาจ "อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ" ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงนี้ นางแลมได้รับเลือกให้เป็นผู้นำฮ่องกงคนต่อไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในขณะที่มีการกล่าวหาว่า รัฐบาลจีนได้เข้ามาแทรกแซงในการเลือกตั้งในฮ่องกงเพื่อรับประกันว่า นางแลมจะได้รับชัยชนะ และรัฐบาลจีนปฏิเสธที่จะยอมรับนายจอห์น ซังซึ่งเป็นผู้สมัครที่ได้รับความนิยมมากกว่า โดยนายจอห์น ซังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังฮ่องกงมาก่อน นักเคลื่อนไหวและนักการเมืองฝ่ายค้านที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงจำนวนหลายคน ได้คัดค้านการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งที่ประกอบด้วยสมาชิก 1,200 คนตัดสินใจเลือกนางแลม โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบไปด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลจีนจำนวนมาก
ไทย นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยกระทรวงการคลังจะเสนอแก้กฎหมายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) เพื่อเพิ่มขอบเขตการทำหน้าที่ของ กบข.ให้สามารถรับจ้างบริหารกองทุนได้เช่นเดียวกับ บลจ.ทั่วไป เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้ กบข.และรองรับการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ(กบช.) ที่จะเกิดขึ้นในปี 61 เขากล่าวว่ากระทรวงการคลังตั้งเป้าที่จะพยายามให้ผู้เกษียณอายุ มีรายได้หลังเกษียณในระดับไม่น้อยกว่า 50% ของเงินเดือนสุดท้าย เนื่องจากเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับว่า จะทำให้ผู้เกษียณอายุมีรายได้อย่างเพียงพอหลังหยุดทำงาน แต่ขณะนี้ผลตอบแทนของผู้เกษียณอายุในไทยยังมีความแตกต่างอยู่ค่อนข้างมาก เช่น ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.และมีอายุการทำงานค่อนข้างยาวนาน จะได้รับเงินชดเชยหลังเกษียณอายุที่ระดับราว 70% ของเงินเดือนสุดท้าย ขณะที่ผู้จ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคม จะได้รับเงินชดเชยหลังเกษียณราว 20% เท่านั้น เนื่องจากมีการจ่ายเงินสมทบน้อย ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงมีแนวคิดที่จะแก้กฎหมายของกองทุนประกันสังคม เพื่อเพิ่มอัตราส่วนการจ่ายเงินสมทบจาก 5% เป็น 10% และขยายเวลาการเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60 ปี ซึ่งการแก้ไขดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา นอกจากนั้นในปีหน้า จะมีการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ หรือ กบช. หลังจากผ่านการพิจารณา ของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปแล้วเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับแรงงานนอกระบบ และแรงงานอิสระด้วย
อื่นๆ:น้ำมัน คณะกรรมการร่วมที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ โดยระบุว่าทางคณะกรรมการได้ตกลงกันว่าจะพิจารณาประเด็นที่ว่า ควรจะมีการต่ออายุข้อตกลงจำกัดการผลิตน้ำมันออกไปอีก 6 เดือนหรือไม่ ร่างครั้งก่อนของแถลงการณ์ฉบับนี้เคยระบุว่าทางคณะกรรมการ "รายงานว่ามีการปฏิบัติตามข้อตกลงในระดับสูง และเสนอแนะให้ต่ออายุออกไปอีก 6 เดือน" อย่างไรก็ดี ร่างสุดท้ายของแถลงการณ์ฉบับนี้ระบุเพียงแค่ว่า ทางคณะกรรมการได้ขอให้ฝ่ายเทคนิคและสำนักงานเลขาธิการโอเปก "พิจารณาสถานการณ์ในตลาดน้ำมัน" และพิจารณาเรื่องการต่ออายุมาตรการปรับการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในเดือนเม.ย. 2017 นักวิเคราะห์ภาคน้ำมันระบุว่า ถ้าหากไม่มีการต่ออายุข้อตกลงในทันที ปัจจัยนี้ก็อาจส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบ
Money Market - ดอลลาร์/บาท วันจันทร์ (27 มีค.) เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายระบบประกันสุขภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกมากขึ้นว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆตามที่เขาได้หาเสียงไว้นั้นอาจจะเผชิญกับอุปสรรคทางการเมืองแบบเดียวกัน ซึ่งหากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ก็จะส่งผลให้แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอาจจะช้ากว่าทึ่คาดไว้ และจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงและส่งผลลบต่อแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ - ดอลลาร์/เยน วันจันทร์ (27 มีค.) เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นน้อยลงต่อความสามารถในการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯซึ่งความเชื่อมั่นที่ลดลงดังกล่าวก็ลดการคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯด้วยและกดดันดอลลาร์สหรัฐฯให้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ ขณะที่ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เปิดเผยบทสรุปความเห็นของคณะกรรมการฯในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. โดยระบุว่าจะมีการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง สมาชิกคณะกรรมการไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าบีโอเจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทอายุ 10 ปี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่างชาติที่พุ่งขึ้น แต่สมาชิกบางคนก็แสดงความกังวลต่อความสามารถของบีโอเจในการควบคุมอัตราผลตอบแทน JGB ประเภทอายุ 10 ปีในอนาคต - ยูโร/ดอลลาร์ วันจันทร์ ( 27 มีค.) เงินยูโรแข็งค่าแมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายระบบประกันสุขภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่สัปดาห์นี้นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษจะเริ่มดำเนินกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit ในวันที่ 29 มี.ค.อย่างไรก็ดีรายงานข่าวออกมาว่าการเริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการอาจจะเริ่มต้นได้หลังจากนี้ประมาณ 4-6 สัปดาห์เนื่องจากอีก 27 ประเทศที่เหลือจะต้องมีการหารือร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อน ซึ่งเมื่อประกอบกับการที่ฝรั่งเศสจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 เมษายน และ 7 พฤษภาคมนี้ทำให้มีโอกาสสูงที่การเริ่มการเจรจาอาจจะเริ่มต้นช้าออกไปอีก
Capital Market - ตลาดสหรัฐฯ วันจันทร์ ( 27 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงต่อในวันจันทร์ โดยดัชนี S&P 500 ปิดลดลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ติดลบเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากความพ่ายแพ้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการผลักดันกฏหมายประกันสุขภาพว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อกฏหมายที่เหลือของเขา ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปภาษีและการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.22% สู่ระดับ 20,550.98, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.10% สู่ระดับ 2,341.59 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.20% สู่ระดับ 5,840.37 - ตลาดหุ้นเอเชีย วันจันทร์ ( 27 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลดลงในวันนี้เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯลดลงหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯล้มเหลวในการผลักดันร่างกฎหมายระบบประกันสุขภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆที่จะตามมาว่าจะสะดุดเหมือนร่างกฎหมายระบบประกันสุขภาพหรือไม่ โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิลดลง 1.44% มาอยู่ที่ 18,985.59 โดยเงินเยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงนี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันหุ้นกลุ่มส่งออกของญี่ปุ่น สำหรับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดลดลง 0.08% มาอยู่ที่ 3,266.82 โดยรายงานข่าวชี้ว่าปัจจัยบวกต่อตลาดจากข้อมูลที่ระบุว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถูกหักล้างด้วยปัจจัยลบจากมาตรการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหม่ และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจจะมีการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นอีก - ตลาดหุ้นไทย วันจันทร์ ( 27 มีค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เพิ่มขึ้นในช่วงเปิดตลาดก่อนที่จะทยอยลดลงหลังจากนั้น โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มพลังงาน โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 3.01 จุด
โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 28 มี.ค. 2560
|






![]() | Today | 717 |
![]() | All days | 717 |
Comments