Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News อีไอซีลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี2562และ2563อยู่ที่2.8%
อีไอซีลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี2562และ2563อยู่ที่2.8% PDF Print E-mail
Tuesday, 08 October 2019 21:00

อีไอซีปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยของทั้งปี 2562 และ 2563 อยู่ที่ 2.8% จากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อซึ่งส่งผลกระทบกระจายตัวจากภาคส่งออกและการท่องเที่ยวไปยังกำลังซื้อในประเทศชัดเจนมากขึ้น

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (จำกัด) มหาชน(อีไอซี) กล่าวว่า  อีไอซีปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 เหลือ 2.8% จากประมาณการเดิมที่ 3.0% โดยมีสาเหตุหลักจากสงครามการค้าที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงผลกระทบสะสมของการตั้งกำแพงภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มส่งผลเป็นวงกว้างมากขึ้นในหลายประเทศ โดยผลกระทบในระยะหลังไม่ได้กระจุกตัวเพียงแค่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การค้าระหว่างประเทศ และการลงทุน แต่เริ่มกระจายตัวทำให้ภาคบริการชะลอลงอีกด้วย นอกจากนั้น ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (technical recession) ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างมาก เช่น เยอรมนี ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ซึ่งจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัวและความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อประคับประคองการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงหลายประเทศที่มีความสามารถในการทำนโยบายการคลัง  (fiscal policy space) ก็เริ่มมีการออกมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน ซึ่งจากปัจจัยข้างต้น อีไอซีประเมินว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับการแข็งค่าของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง ก็จะทำให้ภาคการส่งออกและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในรูปของเงินบาทได้รับผลกระทบ ดังนั้น อีไอซีจึงมีการปรับลดประมาณการอัตราขยายตัวของมูลค่าส่งออกเป็นหดตัวที่ -2.5% ขณะที่ภาคท่องเที่ยว แม้จะคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ 40.1 ล้านคน แต่มีการปรับลดประมาณการค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวตามการแข็งค่าของเงินบาท ด้านอุปสงค์ในประเทศ สัญญาณการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชนชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะยอดขายที่อยู่อาศัยในภาคอสังหาริมทรัพย์และยอดขายรถยนต์ที่หดตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงสะท้อนจากการจ้างงานที่หดตัวโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม รายได้ภาคการท่องเที่ยวและภาคเกษตรที่ซบเซา และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดต่ำลง รวมทั้งความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินจากสัญญาณคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงและมาตรการกำกับดูแลการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ประกาศในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อีไอซีประเมินว่าจะมีผลช่วยพยุงการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนในช่วงที่เหลือของปี 2562 เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ความล่าช้าของการผ่าน พรบ. งบประมาณปี 2563 จะกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนภาครัฐในส่วนของโครงการใหม่

สำหรับปี 2563 อีไอซีคาดเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.8% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอตัวต่อเนื่องและภาระหนี้ครัวเรือนที่จะกดดันกำลังซื้อในประเทศ ความเสี่ยงด้านต่ำจากผลกระทบของสงครามการค้าที่ยืดเยื้อและความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง ดังนั้นอีไอซีประเมินว่าการฟื้นตัวของการส่งออกไทยจะเป็นไปอย่างช้า ๆ (0.2% ในปี 2563) ในส่วนของภาคอุปสงค์ในประเทศ อีไอซีคาดการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากปี 2562 เล็กน้อย ตามอุปสงค์ของการส่งออกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ประกอบกับการก่อสร้างภาคเอกชนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนมีทิศทางชะลอลงเช่นกันจากหลายปัจจัยกดดัน ได้แก่ ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการบริโภคของภาครัฐรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจะมีบทบาทมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563

ด้านนโยบายการเงิน อีไอซีคงมุมมอง กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในไตรมาสที่ 4/2562  สู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ และจะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปี 2563 แม้ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กนง. จะได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้ว 1 ครั้งและล่าสุดในการประชุมเดือนกันยายนได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของทั้งปี 2562และปี 2563  แต่ในระยะถัดไป ความเสี่ยงด้านต่ำจากทั้งในและนอกประเทศที่มีสูงขึ้น จะทำให้ กนง. มีโอกาสปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่คาดว่าจะโตถึง 3.3% ลงได้อีก ประกอบกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะยังอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายทั้งในปีนี้และปีหน้า น่าจะทำให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 ครั้งในไตรมาสที่ 4/2562 และจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.25% ตลอดทั้งปี 2563 เพื่อประคับประคองกำลังซื้อในประเทศผ่านช่องทางการลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งแม้อาจจะไม่กระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมใหม่ได้มากนักภายใต้ความไม่แน่นอนที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่จะมีส่วนลดภาระการชำระหนี้ให้กับครัวเรือนและธุรกิจ SME ที่มีหนี้อยู่แล้วเป็นสำคัญ ในส่วนของปัญหาเสถียรภาพระบบการเงินจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องยาวนาน กนง. น่าจะใช้มาตรการ macro และ micro prudential เป็นเครื่องมือหลักในการจัดการความเสี่ยง สำหรับทิศทางของค่าเงินบาท อีไอซีประเมินว่า ค่าเงินบาทจะยังได้รับแรงกดดันด้านแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่เกินดุลสูง แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในภูมิภาคที่อาจทำได้มากกว่าของไทยซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ตลอดจนเงินทุนเคลื่อนย้ายที่เข้ามาเป็นช่วง ๆ จากการที่เงินบาทถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยของภูมิภาค ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2563

ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปมาจากทั้งภายในและภายนอก โดยสงครามการค้ายังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นได้อีกและอาจทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบมากกว่าที่คาด ซึ่งส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2020 อาจชะลอลงมากกว่าคาด นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่ต้องจับตาคือความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น Brexit การประท้วงในฮ่องกง และความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอเพิ่มเติม และอาจเกิดความผันผวนในตลาดเงินโลกได้ ขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศมาจากความเปราะบางทางการเงินที่มีมากขึ้นทั้งในส่วนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ SME สะท้อนจากระดับหนี้เสีย (NPL) ทั้งในส่วนของสินเชื่ออุปโภคบริโภคและสินเชื่อธุรกิจ SME ที่โน้มสูงขึ้นจากผลกระทบสะสมของภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น รายได้ที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ทำให้ยอดขายของธุรกิจและรายได้ของครัวเรือนมีแนวโน้มกระจุกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณ รวมถึงประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายของภาครัฐ ก็ยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงภายในสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

EIC revises down 2019F and 2020F GDP growth to 2.8% on the back of prolonged and wide-spreading trade tension effects from exports and tourism to private domestic demand

EIC revises down 2019F GDP growth to 2.8% (from 3.0% previously) due to prolonged and wide-spreading trade tensions between the US and China. Recently, the trade wars effects not only adversely affect the global manufacturing sector, international trade, and investment, but also slow the service sector down. Moreover, risks of technical recession have been rising in countries with a high degree of openness, including Germany, Hong Kong, and Singapore. In response to global economic slowdown and rising downside risks, central banks around the globe have eased their monetary policies. Countries with fiscal policy space have also implemented fiscal stimulus measures to shore up their economy. For Thai economy, the exports and tourism sectors are not affected only by global slowdown but also strengthening Thai Baht against our competitors and trade partners. As a result, EIC revises down 2019F export growth to -2.5% YoY. On tourism sector, while we maintain our tourist arrival growth at 40.1 million persons, strong Thai Baht prompts us to revise down our tourist spending per head. On domestic demand, recent private consumption and investment spending show signs of slowdown, especially from the property sector and domestic car sales. Moreover, slow economic conditions are reflected by falling employment, especially in the manufacturing sector, slowdown in tourism spending and farm income, and weakening consumer confidence as well as more cautious lending by the commercial banks on the back of deteriorating loan quality and tightening loan standard measures. For the fiscal stimulus measure announced in August, EIC expects its impacts to mainly shore up non-durable consumption in 4Q19F. However, FY2020 budget approval delay could be one of the key risks, especially for new public investment projects.

EIC foresees a slow economic recovery in 2020F and expects 2.8%YoY GDP growth on the back of global economic slowdown and subdued domestic purchasing power due to stubbornly high household debt. Downside risks from prolonged and wide-spreading trade war effects, combined with rising risks of technical recession in countries with a high degree of openness remain key concerns. As a result, EIC expects a precarious global economic recovery in 2020F and hence a sluggish Thai export recovery (0.2% YoY). On private domestic demand, EIC foresees a slowdown in private investment due to a fragile export recovery and feeble residential construction activities on the back of the tightening LTV measure. Similarly, private consumption in 2020F is expected to slow down due to stubbornly high household debt and more cautious lending by the commercial banks. Consequently, public investment in infrastructure projects, public consumption, and government stimulus measures are likely to be key factors in shoring up the Thai economic recovery in 2020F.

On monetary policy outlook, EIC maintains our view on another policy rate cut in 4Q19F to 1.25% and keep the policy rate at its record low level throughout 2020F. Despite a surprise policy rate cut in August and recent Monetary Policy Committee (MPC)’s downward revision for 2019-20F GDP growth, we foresee further downside risks from external and domestic demand factors on the MPC’s 2020F forecast of 3.3%. Moreover, 2019F and 2020F inflation rates are likely to miss the lower bound of the inflation target range (1%). As a result, we maintain our view on another policy rate cut in 4Q19F to 1.25%, the record low level. In 2020F, the MPC is likely to keep its policy at 1.25% throughout the year to shore up domestic purchasing power through a lower financing cost. Note that the lower financing cost might not boost substantial new lending on the back of rising economic uncertainties, but it is likely to lower debt service expenses for households and SME business in debt. On financial stability concerns, resulting from prolonged low interest rate environment, EIC believes the MPC is likely to employ macro- and micro-prudential measures to address the issue. On Thai Baht outlook, EIC expects strengthening pressure on Thai Baht, compared with its regional peers, to continue due to massive current account surplus and smaller policy rate cuts by Thai MPC as well as capital inflows to Thailand, resulting from Thai Baht’s status as a regional safe haven currency. We, thus, expect Thai Baht/US Dollar to move in the range of 30-31 in 2020F.

Risks on Thai economy in 2020F could come from both external and domestic factors.  Trade war effect remains a key risk, which could be escalated further and hence pose further downside risk to Thailand’s export and tourism sectors as well as our GDP forecasts. Other key external risk factors include geopolitical risks such as Brexit, protests in Hong Kong, and the trade tensions between Japan and South Korea, which could result in a further slowdown in global economy and more volatility in global financial markets. On domestic front, risk factors include smaller financial buffers among Thai households and SMEs, reflected by their rising NPLs on the back of accumulated debt, slow income growth, and structural challenges resulting in concentrated business revenues and household incomes. Moreover, the government budget delay and slow disbursement rate remain key risks factors on economic recovery, looking forward.

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1162
mod_vvisit_counterAll days1162

We have: 1158 guests online
Your IP: 216.73.216.163
Mozilla 5.0, 
Today: Sep 15, 2025

8230080