Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Friday, 25 August 2017 09:17

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนกรกฎาคมลดลง 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับต่ำสุดในรอบปีที่ 5.44 ล้านยูนิต หลังจากที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.1% (yoy) ด้านสต็อกบ้านในตลาดลดลง เป็นเวลา 26 เดือนติดต่อกันที่ 9.0% ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 6.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 258,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 65 ติดต่อกัน

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่า สหรัฐยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แม้เผชิญความท้าทายจากสถานะทางการคลัง ทั้งนี้ มูดี้ส์ระบุว่าสหรัฐเผชิญความท้าทายในด้านอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสถานะทางการคลัง และแรงกดดันต่ออันดับความน่าเชื่อถือจะเพิ่มขึ้น หากนโยบายทางการคลังไม่สามารถสกัดภาวะหนี้ที่ย่ำแย่ลง และภาระด้านดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ระบุว่า แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพของสหรัฐบ่งชี้ว่าสหรัฐจะสามารถเพิ่มเพดานหนี้ และแม้จะไม่สามารถเพิ่มได้ แต่แนวโน้มที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐได้รับปัจจัยหนุนจากระบบเศรษฐกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และบทบาทของดอลลาร์ในตลาดโลก รวมทั้งตลาดพันธบัตรรัฐบาลที่มีสภาพคล่องสูง

นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า การที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าระดับ 2% ไม่ควรจะเป็นปัจจัยขัดขวางเฟดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นางจอร์จกล่าวแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ซึ่งได้เริ่มต้นในวันนี้ นอกจากนี้ นางจอร์จกล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถรับมือกับการใช้นโยบายที่คุมเข้มทางการเงินได้ และเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

ยุโรป: อังกฤษ

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า อำนาจตุลาการของศาลยุติธรรมสหภาพยุโรป (CJEU) จะหมดลงเมื่ออังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทั้งนี้ เอกสารแสดงความจำนงฉบับล่าสุดที่ใช้ในการหารือ Brexit กับตัวแทนเจรจา EU ที่กรุงบรัสเซลส์ ได้ระบุถึงแผนของรัฐบาลอังกฤษที่จะเสนอกระบวนการกฎหมายหลังจากที่อังกฤษและ EU แยกจากกัน อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์อังกฤษบางฉบับได้รายงานพาดหัวข่าวในทำนองว่า CJEU จะยังคงมีบทบาทในกระบวนการกฎหมายในอังกฤษต่อไป ทั้งนี้ บทความในหนังสือพิมพ์การ์เดียนระบุว่า นางเมย์กลับลำ โดยพาดหัวข่าวว่า เอกสาร Brexit เปิดช่องให้ยุโรปมีบทบาทในกฎหมายอังกฤษ ขณะที่บทความของเดอะเดลี เทลิกราฟซึ่งพาดหัวข่าว กฎหมาย EU มีผลผูกมัดหลัง Brexit ซึ่งระบุว่า เอกสารฉบับใหม่ได้เตรียมการให้ผู้พิพากษายุโรปสามารถพิพากษาคดีในอังกฤษ ทั้งนี้ การรายงานข่าวของสื่ออังกฤษนั้นขัดกับบทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอังกฤษที่ยืนยันว่า อำนาจทางตุลาการของอังกฤษจะกลับคืนสู่อังกฤษ

การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในอังกฤษประจำไตรมาส 2 ปี 2560 ชะลอตัวลง ท่ามกลางยอดขายรถยนต์ร่วงลงและการลงทุนที่ชะงักงัน ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ จากรายงานพบว่า เศรษฐกิจอังกฤษโดยรวมขยายตัวเพียง 0.3% ในไตรมาสสอง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 โดยกิจกรรมของฝั่งผู้บริโภคหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพียง 0.1% เท่านั้น ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ตกต่ำลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการปฏิรูปการจัดเก็บภาษี

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัวที่ระดับ 0.3% ในไตรมาสที่ 2/2560 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ สนง.สถิติระบุว่า ตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555

 

กรีซ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซขึ้นสู่ระดับ B- จากระดับ CCC โดยระบุว่า ความเสี่ยงด้านการเมืองของกรีซเริ่มลดน้อยลง ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีการขยายตัวดีขึ้น

 

เอเชีย: จีน

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า จีนจะใช้วิธีการทุกอย่างที่จำเป็นในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจีนและบริษัทจีนจากการสอบสวนทางการค้าของสหรัฐ ในวันจันทร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ของจีนได้แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ต่อการที่สหรัฐเริ่มต้นสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่า จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ โดยจีนระบุว่าสหรัฐ "ไม่มีความรับผิดชอบ" การสอบสวนดังกล่าวถือเป็นการดำเนินมาตรการทางตรงครั้งแรกของรัฐบาลสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อพฤติกรรมทางการค้าของจีน โดยทำเนียบขาวและกลุ่มธุรกิจสหรัฐระบุว่า จีนสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมสหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงของจีนประกาศว่าจะพยายามร่วมกับประธานาธิบดีมูน แจ-อินของเกาหลีใต้เพื่อจัดการกับความขัดแย้งระหว่างสองประเทศอย่างเหมาะสม ปธน.สี่แสดงความเห็นดังกล่าวในการกล่าวแสดงความยินดีกับปธน.มูนในวาระครบรอบ 25 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-เกาหลีใต้ ปธน.สี่กล่าวว่า การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เกาหลีใต้มีส่วนสนับสนุนในเชิงบวกต่อสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาค แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เกาหลีใต้และสหรัฐตกลงที่จะใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐ หรือ THAAD ในเกาหลีใต้เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามของขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวทำให้จีนไม่พอใจ ซึ่งจีนระบุว่า เรดาร์ของระบบ THAAD จะส่องเข้าไปถึงดินแดนของจีน และบ่อนทำลายความมั่นคงในภูมิภาค จีนกดดันภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ผ่านมาตรการคว่ำบาตร และการประกาศห้าม อาทิ การยุติการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะของจีนในเกาหลีใต้ และปิดร้านของบริษัทเกาหลีใต้ในจีน ปธน.มูนยังผลักดันจีนซึ่งเป็นชาติพันธมิตรและคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือ ให้ดำเนินการมากกว่านี้เพื่อควบคุมโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า กำไรของบริษัทของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้น 23.1% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ กำไรรวมอยู่ที่ 1.66 ล้านล้านหยวน (2.49 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือนม.ค.-ก.ค. ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 16.5% สู่ระดับ 28.94 ล้านล้านหยวน ส่วนหนี้สินรวมของบริษัทของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 11.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 95.26 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนก.ค

 

เกาหลีใต้

นายคิม ดอง-ยอน รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีใต้จะประกาศมาตรการแบบเบ็ดเสร็จในเดือนหน้าเพื่อควบคุมหนี้ภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นายคิมแสดงความเห็นหลังจากเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า หนี้ภาคครัวเรือน โดยเฉพาะสินเชื่อจำนอง ยังคงเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 แต่ในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก

 

ไทย

ธนาคารโลกปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 60 เป็นเติบโต 3.5% จากเดิมที่คาดไว้ 3.2% จากการที่เศรษฐกิจโลกขยายตัว และการฟื้นตัวจากภัยแล้ง และคาดว่าในปี 61 จะเติบโต 3.6% จากเดิมคาดโต 3.3% ธนาคารโลกระบุว่า แม้เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มมาตรการปกป้องทางการค้า ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตได้ถึง 3.6% ในปี 61 อีกทั้งยังสามารถเติบโตในระยะยาว หากมีการดำเนินการปฏิรูปนโยบายเรื่องการศึกษา การเปิดเสรีภาคบริการ และการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงจัดทำแผนแม่บทด้านเศรษฐกิจดิจิทัลจนประสบความสำเร็จ

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพฤหัส (24 สค.) เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ก่อนที่ผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกจะมาประชุมกันที่เมืองแจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงของสหรัฐในวันที่ 24-26 ส.ค. โดยนักลงทุนรอฟังการแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปและนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ อย่างไรก็ดีปัจจัยการเมืองสหรัฐฯยังค่อนข้างจะส่งผลไปในทางลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยล่าสุดฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุว่า ถ้าหากสหรัฐประสบความล้มเหลวในการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐภายในเวลาที่เหมาะสมจะส่งผลให้ ฟิทช์ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ฟิทช์ระบุว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมทางการคลังในพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นเพดานหนี้ โดยตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าจะต้องมีการออกมาตรการเพื่อปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณลงอย่างแข็งกร้าวด้วย

- ดอลลาร์/เยน วันพฤหัส (24 สค.) เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ก่อนการประชุมผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกที่เมืองแจ็คสัน โฮล อย่างไรก็ดีปัจจัยการเมืองสหรัฐฯช่วงนี้ยังส่งผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯโดยต่อเนื่อง

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพฤหัส (24 สค.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ก่อนการประชุมผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกที่เมืองแจ็คสัน โฮล วันที่ 24-26 ส.ค. โดยนักลงทุนรอฟังการแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปและนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัส (24 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันพฤหัสบดี ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไอโอมิ่งในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐก็ถ่วงตลาดลงในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 0.13% สู่ระดับ 21,783.40, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.21% สู่ระดับ 2,438.97 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 0.11% สู่ระดับ 6,271.33

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันพฤหัส (24 สค.)ดัชนีนิตลาดหุ้นเอเชียหลายตลาดสูงขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ดีดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นจีนปิดลดลง โดยดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลดลง 0.42% สู่ระดับ 19,353.77 โดยปัญหาการเมืองสหรัฐฯส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ ขณะที่ญี่ปุ่นได้รับผลค่อนข้างมากเนื่องจากปัญหาการเมืองสหรัฐฯมักจะส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ประเด็นการเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นต่อสหรัฐฯก็ส่งผลให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับญี่ปุ่นซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯมีความต้องการที่จะลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับประเทศต่างๆและญี่ปุ่นเองก็เป็นประเทศที่เกินดุลการค้าต่อสหรัฐฯมากเป็นอันดับต้นๆ สำหรับดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดลดลง 0.48% มาอยู่ที่ 3,271.99

- ตลาดหุ้นไทย วันพฤหัส ( 24 สค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้สูงขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดีภาวะซื้อขายยังค่อนข้างผันผวน โดยวันนี้มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การแพทย์ และขนส่ง และมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 2.58จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 25 ส.ค. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1196
mod_vvisit_counterAll days1196

We have: 1196 guests online
Your IP: 216.73.216.165
Mozilla 5.0, 
Today: Sep 23, 2025

4190312