Error
ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น170.57จุด
Print
Thursday, 11 January 2024 08:03

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในวันพุธ (10 ม.ค.) ที่ 37,695.73 จุด เพิ่มขึ้น 170.57 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,783.45 จุด เพิ่มขึ้น 26.95 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.94 จุด หรือ +0.75% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,695.73 จุด เพิ่มขึ้น 170.57 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,783.45 จุด เพิ่มขึ้น 26.95 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,969.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.94 จุด หรือ +0.75%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, เมตา แพลตฟอร์มส์ และอินวิเดีย พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 4% เมื่อคืนนี้

สำหรับหุ้นเมตา แพลตฟอร์มนั้น นอกจากจะได้รับแรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแล้ว หุ้นเมตายังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทมิซูโฮปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเมตาขึ้นสู่ระดับ 470 ดอลลาร์ จากระดับ 400 ดอลลาร์ โดยหุ้นเมตาพุ่งขึ้น 3.6% ปิดที่ระดับ 370.47 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย และในวันพรุ่งนี้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.1% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2566 ของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก

นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยแอลเอสอีจี (LSEG) คาดการณ์ว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ของแบงก์ ออฟ อเมริกา อาจลดลง 23% ในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะเดียวกันคาดว่า EPS ของซิตี้กรุ๊ปและมอร์แกน สแตนลีย์ อาจลดลง 25% และ 17% ตามลำดับ และคาดว่า EPS ของเจพีมอร์แกน อาจลดลง 3% และ EPS ของโกลด์แมน แซคส์ อาจลดลง 2%

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment