| ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง336.99จุด |
|
| Saturday, 25 February 2023 10:38 | |||
|
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในวันศุกร์ (24 ก.พ.)ที่ 32,816.92 จุด ลดลง 336.99 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,970.04 จุด ลดลง 42.28 จุด หรือ -1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,394.94 จุด ลดลง 195.46 จุด หรือ -1.69% และปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่พุ่งขึ้นเกินคาด ดัชนีทั้ง 3 ตัวร่วงลงในรอบสัปดาห์นี้ราว 3% โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 5 เดือน ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนม.ค. เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้บรรดานักลงทุนวิตกมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 5.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าระดับ 5.3% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือนธ.ค. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.4% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 3 ครั้งในปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจะอยู่ในช่วง 5.25-5.5% ภายในเดือนมิ.ย. นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นหากจำเป็นจะต้องควบคุมเงินเฟ้อ
|
Comments